วันจันทร์, 14 ตุลาคม 2567

หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ศรี มหาวีโร

วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง)
อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด

หลวงปู่ศรี ท่านเป็นพระ สงฆ์ผู้ได้ชื่อว่า ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีศีลจริยาวัตรงดงาม ท่าน มีชื่อเสียงโด่งดังเลื่องลือทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศมานานแล้ว อีกทั้งอํานาจวาสนาแก่กล้า เป็นที่น่าอัศจรรย์

ปฏิปทาในการประพฤติปฏิบัติของท่านนั้น ได้เจริญรอยตามพระบุพพาจารย์ฝ่ายสมถะ และวิปัสสนากรรมฐานในยุค คือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งในจํานวนศิษย์ทั้งหลาย ที่มีเจตนาอันเดียวกันคือ

รักษาบทบัญญัติพระธรรมวินัย พร้อมกับสร้างสรรค์ความสมบูรณ์พูลสุขในสังคมมนุษย์ชาติ จนได้รับความศรัทธา เชื่อมั่นจากประชาชนคนไทยและต่างประเทศ เป็นอย่างยิ่ง

หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านเป็นพระผู้กล้าเสียสละ โดยยกเอาความเมตตาเป็นเบื้องต้น อันเป็นอุปนิสัยของพระอริยเจ้าที่กระทําสืบต่อกันมาเป็นประเพณีนั้นเอง

กอปรกับท่านเคยมีนิสัยเดิมสมัยเป็นฆราวาส คือท่านได้สละกําลังกาย กําลังใจ ฝึกฝนอบรมเยาวชนในฐานะท่านเป็นครูมาแล้วสมัยหนึ่ง

ถิ่นกําเนิดของหลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านเป็นคนชาวจังหวัดมหาสารคาม

สมัยเป็นหนุ่มท่านดําเนินชีวิตประกอบกิจการงานเป็นครูโรงเรียนหนึ่ง ในจังหวัดมหาสารคาม ต่อมาท่านได้แต่งงานมีบุตร ๔ คน

ในชีวิตข้าราชการครู น้อยนักที่จะหาเวลาหรือโอกาสอุปสมบทได้ ดังนั้นท่านจึงได้ปรารภกับภรรยาขอบวชเพื่อนมัสการคุณพระพุทธเจ้าสักครั้ง ก็เป็นที่น่ายินดีที่ ภรรยาท่านอนุญาต ให้บวชเพียง ๗ วันเท่านั้น !

เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางมาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดประชาบํารุง อ.เมือง จ. มหาสารคาม

หลังจากบวชเป็นพระภิกษุศรี มหาวีโร แล้วประกอบกับทุนเดิมในการประพฤติปฏิบัติสมัยเป็นฆราวาส ท่านก็เร่งทําความเพียรตลอดวัน

ธรรมปีติที่เกิดขึ้นภายในจิต ใจไม่หยุดหย่อน ท่านพยายามตักตวงบุญกุศลและการภาวนาในช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วันนี้

เหมือนบุญบารมีหนุนจิตใจ ให้ท่านต้องครองเพศสมณะอันบริสุทธิ์ต่อไป เกิดได้ยินกิตติศัพท์ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และ ศิษย์เอก คือ ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เข้าในช่วงนั้น

หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) จ.ร้อยเอ็ด

ข่าวที่เชื่อถือได้นี้บอกว่า

“ท่านทั้งสององค์เป็นพระอาจารย์ผู้ปฏิบัติแตกฉานในวิปัสสนากรรมฐาน อีกทั้งยังมีปฏิปทาจริยาวัตรอันงดงาม น่าเคารพเลื่อมใสยิ่ง”

หลวงปู่ศรี มหาวีโร สมัยเป็นพระหนุ่ม ก็ยิ่งทําให้กระวนกระวายใจยิ่งนัก คอยฟังข่าวว่าท่านอยู่ที่ไหน

เมื่อได้ทราบข่าวแน่นอนว่า ท่านพระอาจารย์สิงห์อยู่ จ.อุบลราชธานี ก็ไม่รอช้ากัน รีบเดินทางไปทันที เวลาสึกตามสัญญาก็เหลืออีกไม่กี่วันด้วย

ในที่สุดก็ได้พบท่านพระอาจารย์สิงห์พร้อมกับสดับตรับฟังธรรมะ เป็นที่ถูกอกถูกใจเป็นอันมาก

ธรรมะที่ฝังลึกลงกันบึงแห่งจิตนี้ ทําให้สัญญา ๗ วันเป็น ๑๕ วัน ถึง ๑ เดือน และ ๑ ปี ในขั้นสุดท้ายก็ขาดสะบั้นลง ปิดทางโลกจนหมดสิ้น ไม่ยินดีที่จะใช้ชีวิตทางโลกอีกต่อไป

เพราะบัดนี้ท่านได้พบกับ พระผู้มีคุณธรรมวิเศษเข้าแล้ว คือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านได้ปฏิบัติภาวนามาตั้งแต่ต้นมาจนปัจจุบัน ท่านกล่าวสั้น ๆ ให้ได้ยินว่า

“เอาชีวิตนี่แหละเป็นเดิมพัน เพื่อแลกกับความดี”

การเดินธุดงค์ไปตามป่าดง หรือปักกลดบําเพ็ญสมาธิภาวนา ท่านมีแต่ความอิ่มเอิบอาจหาญ

ผลทางใจที่เคยได้รับสมัยแรก เป็นแรงหนุนความเด็ดเดี่ยว

สติมั่นคง ต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ นานาประการ

หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านได้พระคณาจารย์ที่เป็นพระสหธรรมที่ถูกอัธยาศัยหลายองค์ เช่น ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน พระมหามี หลวงปู่บัว สิริปุณโณ ท่านพระอาจารย์ชา สุภัทโท ซึ่งพระคณาจารย์ฝ่าย อาวุโสเหล่านี้ ท่านเคยได้ออกเดินธุดงค์บําเพ็ญสมณธรรมด้วยกัน

หลวงปู่ศรี ท่านเคยเล่าว่า“การนั่งสมาธิภาวนาอย่างขั้นอุกฤษฎ์ คือ…นั่งภาวนา ๒๔ ชั่วโมง จะเปลี่ยนอิริยาบถเพียง ๒ ครั้งเท่านั้น เพื่อดูทุกขเวทนาในตนเอง จนปรากฎทุกขเวทนาอย่างเด่นชัด และรู้เล่ห์เหลี่ยมของกิเลสมาร ที่มารบเร้าจิตใจของท่าน จนหมดสิ้น

การนั่งสมาธิในคราวนั้น โดยไม่ยอมเปลี่ยนอิริยาบถได้เป็นเหตุให้เกิดพุพองเป็นตุ่มขึ้นมา ทํา ให้ปวดแสบปวดร้อนมาก

ท่านเล่าว่า… โอ…นรก ๘ ขุม มันเกิดยกมากันที่นี่ทั้งหมด

เออ…มันยกทัพกันมา ดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งร่างกาย เรานี่แหละสู้กับมัน

ขอให้มีสติดีเสียอย่างเดียว มันจบได้ คือ ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้น มันจะไม่เกิดอีกเลยนี่ นักปฏิบัติต้องเอาชนะให้ได้ ถ้าไม่ได้ แพ้มันเด็ดขาด”

หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านยังได้ยกเหตุผลธรรมะอีกข้อหนึ่งว่า

“นักปฏิบัติธรรมต้องมีสติพร้อมเสมอ ถ้าสติอ่อน มันจะติดสัญญาภาพเก่าๆ ที่เราได้จดจํามาแล้วทั้งสิ้น แล้วธรรมที่เกิดนั้น มันก็ยังเป็นของคนอื่น ยังมิใช่ของเราแท้นะ

ระวังกิเลสมันจะหลอกล่อจิตใจเราให้ลุ่มหลง เพ้อพกไปได้ แม้อาตมาเอง มันยังหลอกให้หลง อยู่กับนิมิตเกือบ ๖ ปี เพราะนิมิตตัวเดียวแท้ๆ”

ทางด้านอภิญญาญาณ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านมีความแจ่มใสในเรื่อง อภิญญาญาณมาก เป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดร้อยเอ็ด และคณะศรัทธาญาติโยม ในจังหวัดต่างๆ เกือบทั่วประเทศ

หลวงปู่ศรี ท่านเป็นร่มโพธิ์ ทองสําหรับเราชาวไทยทุกคน ท่านมีเมตตาธรรมเสมอภาค ไม่เคยแบ่งชั้นแก่ผู้ใด แม้ท่านที่เดินทางไปวัดประชาคมวนาราม จ.ร้อยเอ็ด ก็จะได้รับการดูแลเอาใจ ใส่เป็นอย่างดีของคณะกรรมการวัด และญาติโยม

ท่านแสดงธรรมไว้เป็นบทปฏิบัติว่า “ถ้าสติไปถึงจิตเมื่อไร เมื่อนั้นพวกกิเลสหรือนิวรณ์ทั้งหลายนี่ มันจะถอยหนีไปหมดเลย”

หลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้เริ่มอาพาธตั้งแต่กลางปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วยโรคหัวใจรั่วและโดยได้เข้ารับการรักษาที่ รพ.ร้อยเอ็ด และ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ก่อนจะมรณภาพ เมื่อเวลา ๐๕.๓๔ น. วันที่ ๑๖ ส.ค. พ.ศ ๒๕๕๔ สิริอายุ ๙๔ ปี  ๓ เดือน ๑๓ วัน พรรษาที่ ๖๖