ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ
วัดพระลอย
อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ) วัดพระลอย พระเกจิขลังแห่งเมืองสุพรรณบุรี อดีตนักเลงกลับใจ ที่ชาวบ้านเคารพนับถือมาก
◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ วัดพระลอย เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๓๔ บ้านอยู่ด้านทิศใต้วัดพระลอย เป็นบุตรคนโตของนายแย้มและนางอ่ำ นารถพลายพันธ์ เป็นคนร่างเล็ก ครอบครัวยากจน ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ
ย่างวัยหนุ่ม คบเพื่อนอันธพาลนักเลงรุ่นเดียวกัน ชอบตีรันฟันแทง แม้จะมีร่างเล็ก แต่ใจถึงไม่กลัวใคร เป็นหัวหน้านักเลง คุมท้องถิ่นแถวบ้านวัดพระลอย และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่รู้จัก ชอบคอกันดีเป็นหัวหน้านักเลงอยู่ที่ศรีประจันต์ ชื่อ ปุย (ภายหลัง คือ หลวงพ่อปุย วัดเกาะนั่นเอง) เป็นนักเลงคุมแถวลุ่มน้ำบ้านคอย
◉ อุปสมบท
เมื่ออายุครบบวชจึงอยากให้บวช บิดามารดาจึงพาไปที่วัดสำปะซิว โดยหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสำปะซิว อบรมบ่มนิสัยหลวงพ่อแต้มก่อนบวช โดยแรกเริ่มท่านไม่รู้หนังสือแม้แต่ตัวเดียว แต่ก็สามารถท่องเจ็ดตำนานได้ภายในเจ็ดวัน หลวงปู่โต๊ะชอบใจมาก เพราะหัวไว
หลังจากนั้นจึงอุปสมบทให้ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๕ ที่พัทธสีมาวัดสำปะซิว โดยมี หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อปลื้ม (อีกรูปหนึ่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงปู่โต๊ะ วัดสำปะซิว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “ปุญญสุวัณโณ”
หลวงปู่โต๊ะสอนกัมมัฏฐาน และสอนหนังสือทั้งไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้ อีกทั้งยังได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ กับช่างไม้ช่างก่อสร้างจากหลวงปู่โต๊ะอีกด้วย จนมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มาก
ต่อมาย้ายมาอยู่วัดพระลอย จึงลาสิกขาออกมาในปี พ.ศ.๒๔๖๓ สรุปแล้วบวชครั้งแรกอยู่ ๘ พรรษา ใช้ชีวิตทางโลกอยู่พักหนึ่งเกิดเบื่อหน่ายทางโลก จึงอุปสมบทครั้งที่ ๒ โดยมี หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อคำ วัดพระรูป เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังอุปสมบทครั้งสองแล้ว จำพรรษาอยู่วัดลาวทอง จวบจนปี พ.ศ.๒๔๖๖ จึงไปศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อซัว วัดสาลี อ.บางปลาม้า จวบจนถึงปี พ.ศ.๒๔๖๘ และไปเรียนต่อจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา สำเร็จวิชายันต์เกราะเพชร และกลับมาอยู่วัดลาวทองต่อ
พ.ศ.๒๔๘๓ คณะสงฆ์แต่งตั้งให้ หลวงพ่อแต้ม มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระลอย ซึ่งใกล้จะร้างให้มีสภาพดีขึ้น ท่านพัฒนาวัดจนเจริญ เป็นสถานที่ ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจขึ้นชื่ออีกแห่งของเมืองสุพรรณ จวบจนมรณภาพ

◉ มรณภาพ
หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ วัดพระลอย ท่านมรณภาพอย่างสงบ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ สิริอายุรวมได้ ๘๐ ปี
งานบำเพ็ญกุศลมีเจ้าภาพ จองคิวสวดพระอภิธรรมจำนวนมาก ทางวัดจึงได้พิจารณาจะสวดพระอภิธรรมแค่ ๑๐๐ วัน และจะเข้ารับพระราชทานเพลิง เมื่อครบ ๑๐๐ วัน เปิดโลงศพดูก็ต้องพบกับเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ เมื่อไม่เน่าเปื่อย เหมือนกับคนนอนนิ่งธรรมดา ทางวัดจึงเก็บศพไว้ถึงปัจจุบันนี้ และเปิดให้ประชาชนกราบสักการะทุกวัน
สมดังปัจฉิมวาจา ก่อนมรณภาพที่หลวงพ่อให้ไว้ว่า “ถ้าข้าตาย ก็ให้เก็บศพไว้อย่าไปเผา สังขารข้าอยู่ วิชาอาคมของข้าก็อยู่ช่วยพวกเอ็งไปตลอด เดือดร้อนอะไรให้มากราบพระลอย และมาหาข้า เหตุร้ายเดือดร้อนจะหายไป”
◉ ด้านวัตถุมงคล
หลวงพ่อแต้ม เริ่มสร้างวัตถุมงคลรุ่นแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๕ พระเนื้อดินเผาสีดำ เป็นพระซุ้มกอ และพิมพ์นาคปรก หรือปางพญามหาชมพู และอีกหลายพิมพ์ เป็นเนื้อดิน เป็นต้น เมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๑ สร้างเหรียญรุ่นแรกเป็นเหรียญรูปอาร์ม เนื้อทองแดงรมดำ และเหรียญรุ่น ๒ ปี พ.ศ.๒๕๑๒ รุ่น๓ ปี พ.ศ.๒๕๒๓ ช่วงเวลานั้นท่านได้สร้างพระกริ่ง เป็นกริ่งนาคปรก เนื้อโลหะผสม นับเป็นกริ่งรุ่นแรกรุ่นเดียวของหลวงพ่อแต้ม

ด้วยหลวงพ่อแต้มสำเร็จวิชายันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านจึงได้สร้างเหรียญยันต์เกราะเพชรเหรียญแรกของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๑ ฝากไว้เป็นสมบัติชั่วลูกชั่วหลาน ว่ากันว่าก่อนปี พ.ศ.๒๕๑๑ ยังไม่มีพระเกจิอาจารย์รูปใดสร้างเหรียญยันต์เกราะเพชรเลย