วันจันทร์, 14 ตุลาคม 2567

หลวงพ่อสุพจน์ ฐิตพฺพโต วัดห้วงพัฒนา เทพเจ้าแห่งเสือสมิง

ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อสุพจน์ ฐิตพฺพโต

วัดห้วงพัฒนา
อ.เขาสมิง จ.ตราด

พระครูสุพจนวรคุณ (หลวงพ่อสุพจน์ ฐิตพฺพโต) วัดห้วงพัฒนา


หลวงสุพจน์ ฐิตพฺพโต เป็นพระสานุศิษย์องค์หนึ่งของแม่ทัพธรรมสายอรัญวาสี ซึ่งมีจิตมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นไปตามแนวทางของการหลุดพ้นตามวิถีครูบาอาจารย์ผู้มีความชำนาญในสายวิปัสสนากรรมฐาน ท่านมีใจรักและเลื่อมใสในการปฏิบัติธรรมมาก่อน


นามเดิม สุพจน์ นามสกุล รัตนพาหิระ อายุ ๗๐ ปี พรรษา ๕๐

หลวงพ่อสุพจน์ ท่านถือกำเนิด เมื่อวันพุธ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๘ ณ. บ้านเลขที่ ๔๐ ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นบุตรของ พ่อสวงษ์ และ คุณแม่พร รัตนพาหิระ

มีพี่น้องรวมทั้งหมด ๘ คนด้วยกัน

๑. คุณจำรูญ มุสิกะรัตน์

๒. พระครูสุพจนวรคุณ (หลวงพ่อ สุพจน์)

๓. คุณ รุจี รัตนพาหิระ

๔. คุณ ม้วน รัตนพาหิระ

๕. เป็นชายเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก (ชื่อน้องป๊าด)

๖. คุณ สารภี รัตนพาหิระ

๗. พระอาจารย์ เสวต สุกุกสิริ

๘. คุณ ประพาน รัตนพาหิระ

ในวัยเด็ก หลวงพ่อสุพจน์ ได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดคีริวิหาร ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด โดยในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียน การศึกษาเล่าเรียนจึงต้องไปเรียนที่วัด หลวงพ่อได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมปีที่ ๔ ซึ่งในสมัยนั้นก็นับว่าเรียนมากแล้ว เมื่อว่างจากการเล่าเรียน หลวงพ่อท่านก็ช่วยโยมบิดามารดาทำนา หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเข้ายุ้งฉางแล้ว หลวงพ่อก็ไปช่วยทำงานในสวนอีก เรียกว่าหนักเอาเบาสู้ ทำด้วยความขยันขันแข็งจนเป็นที่รักใคร่ของโยมบิดา มารดาและญาติๆ บางครั้งหลวงพ่อยังไปรับจ้างเลื่อยไม้ จนเป็นที่ยอมรับกันในหมู่บ้านว่า หลวงพ่อเป็นผู้มีฝีมือในการเลื่อยไม้คนหนึ่งในตำบลชำราก ดังนั้นจึงมีคนมาจ้างให้เลื่อยไม้เป็นประจำมิได้ขาด


อุปนิสัยของ หลวงพ่อสุพจน์ ผู้ใกล้ชิดสมัยนั้นเล่าให้ฟังว่า ตอนเริ่มเป็นหนุ่มก็มีนิสัยดื้อรั้นบ้างแต่ไม่มาก แต่หลวงพ่อเป็นคนจริง จึงเป็นเหตุที่มาของการที่หลวงพ่อประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติธรรม จนมีกิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรขจายไปทั่วจังหวัดตราดและในเขตใกล้เคียง


เมื่อหลวงพ่อมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ โยมบิดามารดาจึงให้หลวงพ่อบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดคีริวิหาร ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๘ ได้รับฉายาว่า ฐิตพฺพโต แปลว่า ผู้มีวัตรอันตั้งอยู่แล้ว

โดยมี พระวินัยบัณฑิต (ถาวร ฐานุตฺตโร ป.ธ.๗) วัดวรดิตถาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาทองดี อนาวิโล (ปัจจุบัน พระเทพเมธาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดตราด ธ.) วัดวรดิตถาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระหัน คุณวนฺโต (ปัจจุบัน พระโวภณธรรมธาดา เจ้าคณะจังหวัดตราด ธ.) วัดคีริวิหาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เมื่อหลวงพ่อได้บรรพชาอุปสมบทแล้วได้ศึกษาธรรมวินัยและจำพรรษาอยู่ที่วัดคีริวิหาร ในพรรษาแรกหลวงพ่อได้ตั้งใจเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ควบคู่กับการศึกษาพระธรรมวินัย พร้อมทั่งท่องบ่นสาธยายมนต์และหนังสือนวโกวาท ซึ่งเป็นพื้นฐานเบื้องตนของพระสายกรรมฐาน ที่พระอริเจ้าทั้งหลายได้พากันดำเนินมา อีกทั้งหลวงพ่อยังได้ออกธุดงค์ชนิดบุกเดี่ยวฝากชีวิตไว้กับพระรัตนตรัย เอาความเป็นความตายเข้าแลก เพื่อดำรงธรรมของพระพุทธเจ้าเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ทราบว่าหลวงพ่อจาริกไปทางเมืองเหนือ เข้ากราบนมัสการครูบาอาจารย์เพื่อขอเป็นศิษย์สายพระอาจารย์มั่น คือ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร แห่งวัดถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่ บำเพ็ญภาวนาอยู่นานหลายปี ท่านได้มอบตัวเป็นศิษย์และอยู่ศึกษาอบรมสมาธิในสายหลวงปู่มั่นเรื่อยมา ด้วยความจริงใจและเด็ดเดี่ยว

หลวงพ่อสุพจน์ ได้ฝึกปฏิบัติกรรมฐานในป่าอันสงัด ห่างไกลจากบ้านเรือนของผู้คน โดยตั้งปณิธานไว้ว่า จะเป็นก็เป็น จะตายก็ตาย จิตมุ่งอยู่แต่สมาธิภาวนาเท่านั้น ขณะที่ศึกษาอบรมอยู่กับ หลวงปู่สิม ก็ได้เรียนรู้ข้อปฏิบัติอันเป็นเครื่องขูดเกลากิเลส ตลอดถึงจิตภาวนาที่หลวงปู่สิมได้พาดำเนินไปด้วยความถูกต้องดีงาม ตามหลักพระธรรมวินัย ซึ่งหลวงพ่อสุพจน์ ท่านได้สืบทอดข้อวัตรปฏิบัติเรื่อยมา และครูบาอาจารย์อีกหลายท่านที่หลวงพ่อได้เคยเข้าไปศึกษาอบรมสมาธิภาวนาเช่น หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ จังหวัดหนองคาย หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี จังหวัดหนองคาย หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุม จังหวัดชลบุรี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน, หลวงปู่ลี ฐิตธัมโม ถ้ำเหวลึก จังหวัดสกลนคร หลวงพ่อท่อน ญาณธโร จังหวัดเลย หลวงพ่อคำพอง จังหวัดขอนแก่น หลวงตาสรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน จังหวัดยโสธร หลวงพ่อทองอินทร์ กุสลจิตโต วัดสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่อจันทร์โสม กิตติกาโม ทายาทหลวงปู่สิม และ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

พระครูสุพจนวรคุณ (พระอาจารย์พจน์) วัดห้วงพัฒนา เจ้าคณะจังหวัดตราด (ธรรมยุติ)


หลวงพ่อสุพจน์ ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดวรดิตถาราม ถึง พ.ศ ๒๕๑๒ เพื่ออุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์พร้อมทั้งศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม และหลวงพ่อได้แบบอย่างความความเป็นพระสุปฏิปันโน จากพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเอง คือเป็นพระมักน้อยสันโดษมีศีลาจารวัตรที่งดงาม ควรแก่การกราบไหว้เป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อมักจะปรารถถึงพระอุปัชฌาย์ ของหลวงพ่ออยู่เสมอๆ เมื่อเทศน์อบรมพระภิกษุสามเณรในวัด ให้เห็นถึงข้อวัตรปฏิบัติของพระอุปัชฌาย์ โดยมักยกเป็นตัวอย่าง ดังจะเห็นได้จากการที่หลวงพ่ออบรมพระภิกษุสามณรว่า

“ท่านให้ความเคารพนับถือด้วยความจริงใจ ข้อนี้ถือว่า ท่านมีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ที่เราท่านทั้งหลายควรน้อมนำมาเป็นแบบอย่างและประพฤติปฏิบัติ เจริญรอยท่าน จึงได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ที่ดี”


หลวงพ่อสุพจน์ ได้สร้างบารมีอยู่ในป่าเขา เป็นเวลายาวนาน มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าทั้งหลาย เช่น ลิง ค่าง ช้าง เสือ เวลาท่านนึกถึงอะไร สิ่งนั้นมักจะมาตามความรำพึงนึกคิดเสมอ เช่นนึกถึงช้าง ว่าหายหน้าไปไหนนานไม่ผ่านมาทางนี้เลย พอตกกลางคืนดึกๆช้างก็จะมาหาจริงๆ และเดินตรงมายังภายในกุฏิที่ท่านพักอยู่ พอให้ทราบว่าเขามาหาแล้ว ช้างก็จะกลับเข้าป่าไป เวลาที่ท่านนึกถึงเสือก็เช่นกัน นึกถึงตอนกลางวัน ตกกลางคืนเสือก็มาเพ่นพ่านภายในวัดบริเวณที่ท่านพักอยู่ หลวงพ่อสุพจน์ ท่านได้บำเพ็ญเพียรออกธุดงค์ เพื่อเผยแผ่พระธรรม คำสอนตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง


เมื่อหลวงพ่อ มีพรรษา ๕ พรรษาแล้ว จึงมาจำพรรษาอยู่ที่ห้วงพัฒนา หลวงพ่อสุพจน์ ท่านเป็นพระภิกษุ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีข้อวัตรปฏิบัติงดงาม สมควรจดจำเป็นแบบอย่าง


ท่านมีความพากเพียร มุ่งมั่นในการปฏิบัติ ปฏิบัติจนมีชื่อเสียง ศรัทธาญาติโยมทั้งใกล้และไกลมักกล่าวกันปากต่อปาก หลวงพ่อท่านตั้งอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติอันดีงามเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่หลวงพ่อท่านยังมีอายุพรรษาไม่มาก ท่านได้บำเพ็ญตนให้เป็นแบบอย่างคือท่านมีความเด็ดเดี่ยวในข้อวัตรปฏิบัติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเดินจงกรม หลวงพ่อสุพจน์ ได้เน้นเป็นพิเศษ กล่าวคือเมื่อฉันเสร็จ เริ่มเดินจงกรมเป็นพุทธบูชา พอถึงบ่ายสองโมงเริ่มเดินจงกมถวายเป็นธรรมบูชา จนถึงบ่าย ๔ โมง และเมื่อทำข้อวัตรเสร็จสิ้นแล้วก็จะเริ่มเดินจงกรมถวายเป็นสังฆบูชา จนถึงประมาณ ๔-๕ ทุ่ม จึงเข้าที่พักเพื่อบำเพ็ญภาวนาต่อไปทุกๆวันเวลาเช้าราวตีสาม ก็จะลุกขึ้นเจริญจิตตภาวนาและพาภิกษุสามเณรพร้อมญาติโยมที่มาบวชนุ่งขาวห่มขาว เจริญจิตตภาวนาไปด้วยทุกครั้ง

พระครูสุพจนวรคุณ (พระอาจารย์พจน์) วัดห้วงพัฒนา

หลวงพ่อสุพจน์ ท่านไม่เคยขาดการทำวัตรสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็น ยกเว้นบางวันที่หลวงพ่อท่านออกไปทำธุระทางพระศาสนา แล้วกลับไม่ทัน นอกจากนั้นแล้วกิจวัตรของหลวงพ่อคือการทำสมาธิภาวนาทั้งเช้าเย็น โดยมิได้แสดงความเบื่อหน่ายให้เห็นเลย ทั้งยังได้สงเคราะห์วัตถุและปัจจัยทั้งในวัดและนอกวัด โดยมีเมตตาคุณเป็นที่ตั้ง จึงทำให้ญาติโยมสาธุชนทั้งหลายได้มีโอกาสได้กราบไหว้บูชาพระสุปะฏิปันโนอีกรูปหนึ่งอย่างสนิทใจ