ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อชู กันตวีโร
สำนักสงฆ์หินเหล็กไฟ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
หลวงพ่อชู กันตวีโร สำนักสงฆ์หินเหล็กไฟ พระเกจิอาจารย์ขมังเวทย์ เจ้าตำรับน้ำมัน “กั่วเผาะ” อันลือชื่อแห่งเมืองสุรินทร์
หลวงพ่อชู กันตวีโร ท่านจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ก่อนที่หลวงพ่อชูท่านจะมาบวชนั้น ท่านเป็น “ณุเฒ่า” มาก่อน (ณุเฒ่า คือ หมอไสยศาสตร์ หรือ ผู้ที่มีวิชาอาคมเก่งกล้า) เป็นอาจารย์ของคนส่วยที่เลี้ยงช้าง ท่านเป็น ณุเฒ่า ตั้งแต่วัยหนุ่ม ชาวบ้านและลูกศิษย์มักจะเรียกท่านว่า จอมพลสวัสดิ์ ๒ เพราะท่านมีเมียมีลูกมากจนจำไม่ได้ ว่าลูกคนไหน ของแม่คนไหน เพราะมีมากเหลือเกิน
หลวงพ่อชู นั้น สมัยที่ท่านเป็นฆราวาส ท่านเป็นหมอไสยศาสตร์และเก่งกาจในเรื่องช้างเป็นอย่างมาก จะหาคนเท่าเทียมได้ยาก อีกทั้งยังเชี่ยวชาญเรื่องทำเสน่ห์ยาแฝดอีกด้วย ท่านได้ร่ำเรียนวิชาไสยเวทย์ อาถรรพณ์ มนต์ดำต่างๆ จากพระสงฆ์และฆราวาสทั้งในอีสานใต้และในประเทศเขมรหลายสิบปี จนชาวบ้านยกย่องท่านให้เป็น “พ่อหมอจอมขมังเวทย์” เพราะไม่ว่าใครจะโดนของ โดนคุณไสย หากพาไปหาท่านก็หายเป็นปลิดทิ้ง
หลวงพ่อชู ท่านจึงได้ ออกบวชเมื่อประมาณ ปี ๒๕๒๐ เพื่อฝึกจิตให้เข้มแข็งกว่ามาร หลวงพ่อชูท่านมีปณิธานแน่วแน่จะบวชไม่ขอสึก และมาปลูกกระท่อมเล็กๆ กลางป่าในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ เมื่อประมาณปี ๒๕๒๗ คุณชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์ฆราวาสของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ได้ติดตามและศึกษาเรื่องราวของหลวงพ่อชู ว่าเป็นพระที่เก่งจริง มีดีครบทุกด้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องทำของไสยให้คนรักใคร่ หลงใหล เสน่หา และมั่นใจหลวงพ่อชูท่านนี้แหล่ะเป็นของจริง
ในขณะนั้น หลวงพ่อชู กันตวีโร ท่านกำลังหาทุนทรัพย์เพื่อจัดสร้างและบำรุงเสนาสนะใน สำนักสงฆ์ อาจารย์ชินพร จึงให้ความช่วยเหลือ และอนุญาตหลวงพ่อชูจัดสร้างพระปิดตากั่วเผาะ ขึ้นมาเป็นรุ่นแรก ซึ่งก็เป็นที่กล่าวขานกันกว้างขวางในเรื่องประสบการณ์ทั้งบันดาลโชคลาภ และแคล้วคลาดเป็นอย่างยิ่ง มีผู้ไปบูชาเป็นจำนวนมากและหมดไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงพอต่อความต้องการของสาธุชนผู้ที่มาร่วมทำบุญ หลวงพ่อชูกับอาจารย์ชินพรจึงมีข้อสรุปตรงกันว่าจะสร้างวัตถุมงคลขึ้นมา อีกรุ่นคือ “พระขุนแผนกั่วเผาะ” ขึ้นมา นับว่าเป็นขุนแผนรุ่นแรกที่สร้างขึ้นจากผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลังจากที่หลวงปู่ทิมท่านได้มรณะไปแล้ว
หลวงพ่อชู กันตะวีโร ท่านเป็นพระสงฆ์ ที่มีความเด็ดเดี่ยวมากจากคำบอกเล่าของชาวบ้านหิน เหล็ก ไฟ ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน จากเวบอื่นที่ให้ข้อมูลเนื่องจากกระผมสืบจากปากชาวบ้านหินเหล็กไฟ และลูกศิษย์ก้นกุฏิ ที่เคยรับใช้แต่เด็ก คือ พี่รวย หรือคุณรวย ชาวบ้านหินเหล็กไฟ ทราบว่าท่านมาจำพรรษาอยู่ที่ป่าหินเหล็กไฟ หรือชาวบ้านเรียกหมู่บ้านนี้ว่าบ้านโสก ซึ่งเป็นภาษาลาว ชาวบ้านนี้พูดภาษาท้องถิ่นลาวเป็นหลักเนื่องจากอพยพมาจากที่อื่น จาก เขต จ.ร้อยเอ็ดบ้าง หลายจังหวัดมารวมกันอยู่อย่างกลมกลืน จากปากของ คุณลุงมา อดีต ผู้ใหญ่บ้านเป็นโยมอุปัฏฐาก อาจารย์โผน ศิษย์รับใช้ซึ่งเป็นพระสงฆ์และท่านสึกมาภายหลัง และอีกหลายหลายท่านที่เมตตาให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขออนุโมทนาคุณความดีเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย และองค์หลวงพ่อที่ล่วงลับไปแล้ว ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าแต่เดิมท่านเป็นคนทาง อ.สังขะหรือกาบเชิง ของ จ.สุรินทร์ ท่านเล่าให้โยมภรรยาผู้ใหญ่มา ฟังว่าสมัยท่านเป็นฆราวาส แต่ก่อนเป็นนักเลงหัวไม้ เจ้าชู้ เป็นโจร คือแบบว่าไม่ดีมากๆ ชอบเรียนวิชาอาคมมากที่ไหนดีมีดีอาจารย์ขลังท่านจะไปขอเรียนวิชามาหมด ทั้งเรื่องคงกระพัน เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เรียนจนสำเร็จจึง จะไปหาอาจารย์อื่น พอ สมัยผู้ว่าเสนอ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์สมัยนั้น ปราบปรามโจรอย่างหนักตาม นโบายรัฐบาล
พูดง่ายๆ แบบใบไม้ร่วง (โจรนะครับ) โยมแม่ของท่านกลัวท่านจะถูกร่างแหไปด้วย จึงขอให้ท่านบวชให้ ท่านจึงคิดว่าจะบวชสักระยะหนึ่ง แต่พอบวชได้สักระยะกลับรู้สึกว่าถูกกับจริตตนจึงไม่ยอมสึก เดินธุดงค์ไปเรื่อยหาความสงบจนมาพบป่าดงสายทอ เป็นหมู่บ้านโสก สมัยนั้นป่ารกทึบ ท่านจึงมาขอให้ชาวบ้านปลูกกระท่อมให้เล็ก อยู่ในบริเวณสำนักสงฆ์หินเหล็กไฟ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เอาจริงเอาจัง เคยมีโยมท่านหนึ่งอยู่บ้านบอน หมู่ ๔ ต.เดียวกัน มาลองของท่าน ท่านจึงพันผ้าสบงเปล่าวางไว้บนเสารั้ว (มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ คือ เมียผู้ใหญ่มา) โยมคนดังกล่าวใช้ปืนสั้น .๓๘ ไทยประดิษฐ์ ยิงผ้าดังกล่าว ปรากฏว่า ยิงไม่ออกทั้ง ๓ นัด และ อีก คำบอกเล่า ของคุณรวย คือ เมื่อตอนเด็ก หลวงพ่อชูชอบใช้ท่าน ให้ไปเอาของดี พี่รวยบอกว่าก็ไม่รู้ว่าอะไรคือของดี
แต่ได้เงินไปซื้อขนมกินก็พอใจตามประสาเด็กคือท่านจะเมตตาเด็ก ของดีอีกอย่างที่ท่านให้ไปเอาคือ น้ำผึ้งเดือนห้า และตามเวลาที่ท่านกำหนดท่านจะจับเวลาเองแล้วใช้ให้ไปเอา พอได้มาท่านก็จะเมตตาให้เงินไปซื้อขนม คือไปเอาในป่าหลังวัดนั่นแหละ และของอาถรรพ์ต่างเช่น กิ่งไม้ซึ่งคนใช้ผูกคอตาย อื่นๆเยอะ เก็บไว้ทำของดี แจกญาติโยม รวมถึงกั่วเผาะ หรือน้ำมันช้างตกมัน เวลาไปเอาท่านจะสะกดช้างแล้วเข้าไปเอา ส่วนใหญ่ใช้ตัวช่วยมากว่า ใช้วิชา ปกติเวลาตกมันควาญที่เคยหาหญ้ามันยังกระทืบใส้แตกเลยครับ ท่านก็ไปเอามาได้ น้ำมันชนิดนี้กลิ่นเหม็นมาก นึกภาพกลิ่นขี้ไก่สดๆครับ และก็ได้น้อยระเหยเร็ว เฉพาะควาญช้างที่ใช้ตัวช่วย ขวดกระทิงแดงขายเป็นหมื่นครับ เอายากมาก เสี่ยงตายสูงขนาดควาญยังทำไม่ได้ทุกคนเลยครับ ท่านก็เอามาทำสีผึ้ง หรือนวดนี่แหละครับ ท่านจะไม่ให้พร่ำเพรือนะครับ ท่านจะให้ผัวเมียแยกกันให้กลับมารักกัน ยกตัวอย่าง ช้าวบ้านโคกกุง จำชื่อไม่ได้ติดกับบ้านโสกนี่แหละครับ เมียทิ้ง ได้สีผึ้งไป เมียกลับมาครับ ขนาดเมียทิ้งนะครับ วัยรุ่นไปขอท่านไม่ให้ครับ กลัวไปใช้ในทางไม่ดี ท่านไม่ส่งเสริม ตัวผมเอง ยังหาไม่ได้เลยครับ มีวาสนาเพียงขุนแผนกั่วเผาะรุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ เนื้อขาว จำคร่าวๆว่า คุณชินพร สร้างมีผงพรายหลวงปู่ทิม ผสมด้วยครับเป็นรุ่นแรกที่สร้างหลังหลวงปู่ทิม มรณะครับ
ก่อนจะไปสร้างถวายหลวงปู่ธรรมรังษี ที่ดังและราคาแรงมากๆ ก็เสือรุ่นแรกครับ ขนาดผสมแค่ ๓ ช้อนชานะครับ (ที่อุดเสือรุ่นปี พ.ศ.๒๕๓๙) และขุนแผนรุ่นแรกหลวงพ่อชูใช้ดีนะครับ ไม่เฉพาะแต่จีบสาว ผมจะใช้ด้านเมตตามากกว่าครับ อธิฐานเอาครับ ส่วนใหญ่ใช้เรื่องเจรจาตกลงได้ผลดีมากครับ กับตัวเองนะครับ ยังมีอีกครับ เรื่อง คงกระพันท่านไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์องค์อื่นเลยนะครับ อย่ามองข้ามเหรียญรุ่นแรกท่านนะครับ ปี พ.ศ.๒๕๒๘ ท่านเสก หนึ่งไตรมาส เฉพาะเนื้อทองแดงเนื้อเดียว ๗,๐๐๐ กว่าเหรียญ บล็อกก็แตก ท่านชินพรสร้างถวายครับ ทหารที่มาหาท่านมาลองของท่านท่านก็เมตตาไม่โกรธ ชอบลองท่านก็ให้ลอง ท่านตั้งห่อพระที่ท่านเสก หลังศาลาวัดในปัจจุบัน คุณรวย อยู่ในเหตุการณ์ และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง ทหารนำปืน เอ็ม ๑๖ บรรจุกระสุน ๓ นัด ยิง ๒ นัดแรกด้านครับ เสียงไกสับดัง แชะ แชะ นัดที่ ๓ ปัง ไม่ถูกครับระยะแค่ ๕ เมตร ยิงโดยมืออาชีพ แล้วเอากระสุนที่เหลืออีก ๒ นัด มายิงขึ้นฟ้า โป้ง โป้ง แตกหมดครับ ที่คุณชินสร้างถวายหลวงพ่อชู ก็ไดนำปัจจัยมาให้ท่านประมาณหลักแสน ท่านก็เอามาสร้างศาลาปัจจุบันที่มอง
เข้าไปเห็นทันที ชาวบ้านเสียดายที่ท่านมาด่วนมรณภาพก่อน ท่านอาพาธและเสียชีวิต เร็วมาก หากท่านยังอยู่วัดวาอารามอาจเจริญสรุ่งเรือง มากกว่านี้ ท่านเป็นพระที่เก่ง เก่งทั้งเมตตามหานิยม เก่งทั้งแคล้วคลาด มหาอุตม์ แต่เหรียญท่านเป็นพระดีที่โลกลืม
● ด้านวัตถุมงคล
หลวงพ่อชู สำนักสงฆ์หินเหล็กไฟ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญรุ่นแรก, ปิดตา, ขุนแผน ซึ่งทุกอย่างล้วนมีประสบการณ์มากมาย เป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “กั่วเผาะ” คือ “น้ำมันช้างตกมัน” (ตามภาษาส่วยเรียกว่า “กั่วเผาะ” ถ้าเรียกตามภาษากลางกลาง “กั่วเผาะ” ก็คือ “สีผึ้ง” นั่นเอง) สีผึ้งของหลวงพ่อชู ท่านจะผสม น้ำมันของช้างที่กำลังตกมัน ซึ่งเจ้าของต้องตีปลอกล่ามโซ่ไว้ เพื่อป้องกันมันไปกระทืบคน เพราะเวลาที่ช้างตกมัน เป็นเวลาที่มีอารมณ์รุนแรง โดยเฉพาะอารมณ์ทางเพศจะรุนแรงมาก และน้ำมันที่ไหลออกมาจากขมับทั้งซ้ายและขวา จะเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่แรงและมีพลังอำนาจมากๆ และท่านยังเอาว่าน และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ เช่นสีผึ้งตามท่ารถ ท่าเรือ ๗ ท่า มาผสมและว่านมงคลต่างๆ และสิ่งสุดท้ายที่ท่านผสมคือ น้ำมันช้างตกมันนั่นเอง หลวงพ่อชู ท่านเล่าว่า นำมันช้างตกมันเป็นของอาถรรพณ์ที่ที่หายาก มีผลทางเสน่ห์มหานิยมมากที่สุด เมื่อไปเอามาได้แล้วต้องผสมลงในสีผึ้งทันที่เพราะเป็นน้ำมันที่ระเหยเร็วมาก
จากนั้นจึงนำมาทำพิธีปลุกเสกและแจกจ่ายให้ผู้ที่มาขอให้ท่านช่วยเหลือเพียงคนละเล็กละน้อยเท่านั้น หลวงพ่อชูท่านยังกล่าวอีกว่า
“กั่วเผาะ” ที่ท่านทำขึ้นนั้น ใช้ได้ผลดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นให้ผัวเมียรักกัน หรือ ให้ผัวกลับมารักเมีย หลงเมีย เลิกจากเมียน้อย ท่านก็ทำได้ทั้งนั้น แต่วิชานี้เป็นวิชามาร ทำไปมากๆเข้ามารก็มาสิงในตัวท่าน ผู้หญิงที่มาหาท่านให้ท่านลงของหรือทำของให้ ท่านก็จะเอาทำเมียหมด เมื่อทำเข้าบ่อยครั้งเข้า ท่านก็สำนึกได้ว่านั่นคือ “นรก” ท่านจึงตั้งใจจะบวชสักพรรษาเดียว เพื่อจะฝึกจิตให้แข็งกว่ามาร จะได้เลิกทำชั่ว เมื่อบวชแล้ว ท่านจึงรู้ว่าที่ทำไปมันก็นรกดีๆนี่เอง ท่านจึงบวชไม่ยอมสึกและมาปลูกกระท่อมอยู่กลางป่าในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ
คุณชินพรสุข สถิตย์ จึงไปขอให้ท่านสร้างขุนแผนขึ้น นับเป็นขุนแผนรุ่นแรกที่สร้างขึ้นจากผงพรายกุมาร หลังจากที่หลวงปู่ทิม มรณะภาพแล้ว โดยผมสมกับกั่วเผาะ
เรียกว่า “ขุนแผนกั่วเผาะ” มีทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ปลุกเสกในคืนวันราหูอมจันทร์ ขณะกบกำลังกินเดือน ซึ่งถือเป็นวันที่มีเสน่ห์ทางเพศสูงสุด และขุนแผนกั่วเผาะรุ่นแรก ก็ดังจริงๆ
คนที่นำไปใช้ก็เห็นผลกันทั่วหน้า จนคุณชินพร ต้องทำขึ้นมาอีกรุ่น รุ่นนี้ นอกจากจะเอากั่วเผาะผสมลงไปด้วยแล้ว หลวงพ่อชู ยังให้เอา “ลึงค์ช้าง” มาผสมเข้าไปอีกด้วย และบอกเคล็บลับ ต่างๆในการสร้าง จนหมดเปลือก และขุนแผนรุ่น ๒ ก็ดังอย่างสุดๆ และตั้งสมญานามให้ว่า “ฟันลูกเดียว” และมีชื่อออกมาอย่างเป็นทางการว่า “ขุนแผนชินกั่วเผาะ” สร้างตามฤกษ์ ที่ขุนแผนตีดาบฟ้าฟื้น แล้วก็ดังจริงๆ ตอนทำพิธีปลุกเสกหลวงพ่อชูยังกล่าวอีกว่า มีมารผจญ จนท้อใจ แต่ก็ทำจนสำเร็จ
พระขุนแผนกั่วเผาะ มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์เล็ก กับพิมพ์ใหญ่ มี ๓ เนื้อ ขาว แดง ดำ และอีกรุ่นคือ ขุนแผนชินกั่วเผาะ เนื้อตะกั่ว ซึ่งสร้างหลังจากชุดเนื้อผง