ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่เชื่อม ชุตินธโร
วัดโตเขาทองพุทธาราม
อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรค์
พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองต่อไปอีกนานเท่านาน ถ้าแม้ยังมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เจริญตามคลองธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ โลกนี้ก็ยังไม่หมดสิ้นบุคคล ผู้มีบุญบารมีมาเกิด แล้วได้เข้าศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า ด้วยการสละกาย วาจา ใจ ออกปฏิบัติธรรม มีความเป็นอยู่อย่างทุกข์ยากลําบากยิ่ง แต่ด้วยเคยสร้างความอดทนเป็นบารมี ท่านบุคคลเหล่านั้น ก็สามารถค้นคว้า มุ่งหาสัจธรรมความเป็นจริงในธรรมนั้น ๆ สําเร็จ ทั้งนี้ท่านได้พลีร่างกายและจิตใจเป็นเดิมพัน
หลวงปู่เชื่อม ชุตินธโร ท่านมีความผูกพันกับพระศาสนาอยู่มาก เพราะสมัยเป็นเด็กนั้น ท่านได้อาศัยข้าวก้นบาตรพระมาก่อน ศีลจริยาของพระภิกษุ สามเณรจึงอยู่ในความทรงจํา และเป็นที่หมายแห่งชีวิตท่าน
หลวงปู่เชื่อม ชุตินธโร นามเดิมของท่านชื่อ เชื่อม สุ่มประดิษฐ์ ท่านเป็นเด็กวัด เดินหิ้วปิ่นโตโอชามตามหลังพระออกบิณฑบาตทุกวัน
พออายุได้ ๑๓ ปี เจ้าอาวาสก็จับบวชเป็นสามเณร เพื่อศึกษาเล่าเรียนหนังสือ และพระธรรมวินัย เมื่อได้บวชเป็นสามเณรแล้ว กิจการงานภายในวัด ก็ต้อง ทําเหมือนสมัยอยู่เป็นเด็กวัดอยู่นั้นเอง คือ เช็ดถูวัด กุฏิ ศาลา หอฉัน ตลอดจนถึงปัดกวาดลานวัดให้ น่าอยู่น่ารื่นรมย์
ท่านใช้ชีวิตในเพศสามเณร จนอายุจะเข้าเกณฑ์ทหารคือ อายุ ๒๐ ปี ท่านก็ได้ลาสึกออกมารับราชการเป็นทหาร เมื่ออยู่เป็นทหารพ้นกําหนดปลดกอง หนุน ท่านก็ได้สมัครต่อ เพราะตนเองก็ยังไม่รู้ว่า เมื่อออกจากทหารไปแล้วจะทําอะไรกิน ชีวิตล่องลอยไปดังกอสวะ น้ำพัดไปทางโน้นที่ พัดมาทางนี้ ที่ดูจะเป็นการยากลําบาก
อนึ่ง เจ้านายผู้กองก็รัก แม้กระทั่งภรรยานายทหารก็มีความไว้วางใจอยู่มาก ด้วยเป็นคนซื่อ จิตใจอ่อนน้อมมีศีลมีสัตย์ จึงช่วยวิ่งเต้นให้เป็นทหาร ต่อไปจนมียศเป็น จ่าเอกเชื่อม สุ่มประดิษฐ์ ๑๙ ปีชีวิตทหาร บังเกิดความเบื่อหน่าย มองเห็นความไม่แน่นอน ชิงดีชิงเด่น เอาเปรียบเบียดเบียนกันเสมอ ๆ ท่านจึงอําลาชีวิตทหาร ได้รับเงินค่าบําเหน็จมาก้อนน้อย ๆ ก็พอดีเพื่อนฆราวาสได้แนะนําพระอาจารย์ฝ่ายปฏิบัติสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐานให้ได้รู้จัก พระอริยเจ้าองค์นี้ท่านเดินธุดงค์ มาจากจังหวัดอยุธยา มุ่งหน้าไปทางจังหวัดเชียงราย
นายเชื่อม สุ่มประดิษฐ์ ขณะนั้นก็กําลังอยู่ในจังหวัดเชียงราย จึงเข้านมัสการ พระธุดงค์องค์นั้นชื่อ หลวงพ่อนิยม กิตตวีโร พระอาจารย์องค์นี้ มีความชํานาญในทางวิปัสสนากรรมฐาน รู้วาระจิตมนุษย์สัตว์อยู่มาก และนอกจากนี้ท่านยังมีความสามารถทางอภิญญาอีกด้วย เป็นเวลาเดียวกันกับความ ท้อแท้เบื่อหน่าย จึงเดินทางไปอยู่กับท่านที่เขาหลวง ขณะไปถึง หลวงพ่อนิยม กําลังอยู่ในถ้ำที่ท่านบําเพ็ญภาวนา พร้อมทั้งศิษย์ อีก ๗๐ คน
เมื่อไปอยู่ใหม่ ๆ หลวงพ่อนิยม ให้นั่งภาวนาพิจารณาดูตัวเองเพราะเป็นของใกล้ตัวที่สุด การอยู่ป่าดงพงไพรอาหารการกินไม่สมบูรณ์ ลูกศิษย์ ๗๐ กว่าคน ทยอยกันออกจากถ้ำ ในที่สุดเหลือเพียงหนึ่ง คือ ผ้าขาวเชื่อม หรือ จะเรียกว่า ฤาษีเชื่อม ก็ไม่ผิด ผมยาวถึงพื้น หนวดเครา ยาวถึงหน้าอก นั่งสมาธิภาวนาอยู่ ในถ้ำด้วยอารมณ์จิตที่เบิกบาน อาหารก็อาศัยผัก ใบไม้ที่มีอยู่ในป่า
นั่งภาวนาโดยมีพวกลิงค่างเป็นเพื่อน ลิงอยู่ป่าหากินได้ไม่ตาย มนุษย์เอานิสัยลิงป่า ก็ไม่น่าเดือดร้อนอะไร นี่เป็นความคิดของท่าน การภาวนานับว่าได้ผลใน การปฏิบัติมาก คือ เกิดมีตาทิพย์มองทะลุเขา ให้พลังจิตทําตัวเบาลงจากปล่องเขา ไปยังเบื้องล่างในถ้ำที่ลึก แล้วใช้มือทั้ง สองข้างยัน ทําตัวเบาไต่ขึ้นมาได้อีก
ต่อมาท่านมีอายุได้ ๓๐ ปี เต็มบริบูรณ์ ท่านได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพุทธศาสนา ณ พัทธสีมา วัดพรหม อ.พรหมบุรี จ.นครสวรรค์ ได้รับ ฉายาว่า “ชุตินธโรภิกขุ”
พระอาจารย์เชื่อม ชุตินธโร ภายหลังจากบวชพระแล้ว ท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์ไปยังหมู่เขาลําเนาไพร แสวงหาวิเวกธรรม ความพากเพียรในคําสั่งสอนขององค์สม เด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป อีกหลายแห่ง
นอกจากนี้แล้ว ท่านยังได้เดินทางไปกราบนมัสการครูบาอาจารย์ที่เป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในการปรารภธรรม เช่นภาคอีสาน ภาคเหนือจดเชียงราย ภาคใต้ เพื่อศึกษาธรรมะปฏิบัติจากพระอาจารย์ต่าง ๆ ตามแนวทาง ศีล สมาธิ ปัญญา
นอกจากนี้แล้ว ท่านได้เดินธุดงค์ไปบําเพ็ญภาวนาที่ ถ้ำสิงห์โต ซึ่งอยู่ในเทือกเขาตะนาว จ.ลพบุรี และได้ทําสมาธิจิตขั้นสูง ณ แห่งนี้ แต่ก็ต้องผจญเหตุการณ์ มากมาย
จนบางคราวท่านต้องอาศัย กสิณ ๑๐ อย่าง เข้ามามีบทบาท จึงจะอยู่ได้ เพราะวิญญาณร้ายบางชนิด ไม่ยอมรับแผ่เมตตา ก็ต้องใช้อิทธิฤทธิ์ทางใจเข้าสู้กัน จึงจะยอมแพ้ง่าย ๆ
หลังจากนั้นหลายปีท่านได้ เดินธุดงค์มาทางจังหวัดนครสวรรค์ มาพักปักกลดอยู่ที่บริเวณเขาทอง ซึ่งเป็นภูเขาลูกเล็ก ๆ เตี้ย ๆ การมาอยู่ปฏิบัติธรรมของ ท่านนั้น เป็นช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ท่านมาอยู่ ณ บริเวณนี้ ก็ได้รับความสงบทางใจอยู่มาก ตลอดถึงชาวบ้านได้มองเห็นการ ประพฤติปฏิบัติของท่าน จึงมีความศรัทธาสร้างเสนาสนะขึ้น เป็นการชั่วคราว
ท่านหลวงปู่เชื่อม ชุตินธโร ได้ก่อสร้างกุฏิ หอฉัน ศาลาฟังธรรม และพระ อุโบสถต่าง ๆ ในสํานัก จนกลายเป็นวัดที่อุดมถาวรขึ้นมากแล้ว และได้รับรองจากคณะสงฆ์ตั้งชื่อ วัดอันถาวรว่า วัดเขาทองพุทธาราม ต.เขาทอง อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ ชาวบ้านโตเขาทอง และภายในจังหวัดนครสวรรค์ ต่างก็ได้ทราบกิตติศัพท์การ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของ ท่านพระอาจารย์เชื่อม ชุตินธโร ต่างก็หลั่งไหลกันมาฟัง ธรรมอบรมจิตภาวนา ตลอดถึง การสละปัจจัยไทยทาน บํารุงวัดวาอาราม และพระภิกษุสงฆ์ ภายในวัดที่อยู่จําพรรษา ได้รับความสะดวกสบายขึ้นกว่าเก่า
นอกจากนี้แล้วบรรดาคณะชาวกรุงเทพฯ ก็ได้มุ่งไปนมัสการ ขอฝึกฝนอบรมธรรมได้แก่ศีล สมาธิ ภาวนา ไม่เว้นแต่ละวัน
ธรรมะของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น แม้ประดิษฐาน อยู่ ณ แห่งใด ในที่แห่งนั้น ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองเสมอ
ปัจจุบัน หลวงปู่เชื่อม ชุตินธโร วัดเขาทองพุทธาราม ต.เขาทอง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ท่านได้มรณภาพแล้ว
และเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก หลวงปู่เชื่อม ชุตินธโร วัดเขาทองพุทธาราม มรณะภาพ ๙ วันแล้ว แต่สรีระสังขารท่านยังอ่อนนิ่มและเส้นเอ็นไม่ยึดเกร็ง ดูเหมือนคนนอนหลับ คณะศิษยานุศิษย์อัญเชิญสรีระสังขารท่านบรรจุในหีบแก้ว เพื่อให้ประชาชนนมัสการกราบไหว้ ที่วัดเขาทองพุทธาราม ต.เขาทอง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค