ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต
วัดวิชัย อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
พระครูสุทธิพรหมโชติ (หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดวิชัย ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งของภาคอีสาน เป็นศิษย์สืบสายธรรมจากหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน จ.นครพนม และยังเป็นศิษย์หลวงปู่ญาคูสุ หรือ พระครูพิทักษ์อุดมพร ซึ่งเป็นศิษย์ผู้น้องหลวงปู่สนธิ์ สุรชโย แห่งวัดท่าดอกแก้วเหนือ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
◎ ชาติภูมิ
หลวงปู่สิงห์ พรหฺมโชโต นามเดิมว่า “สิงห์ ภูเม็ด” เกิดเมื่อวันพุธที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๗ พื้นเพเป็นชาวบ้านหนองบาท้าว หมู่ ๒ ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม บิดาชื่อ “นายสด” และมารดาชื่อ “นางสุ ภูเม็ด” ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒
◎ ปฐมวัย
หลังจบชั้น ป.๔ ขณะมีอายุ ๑๐ ขวบ มีความศรัทธาต้องการบวช บิดามารดาจึงนำไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่ญาคูสุ เจ้าอาวาสวัดวิชัย รูปที่ ๒ จึงรับไว้แต่ยังไม่ให้บรรพชา ให้ห่มผ้าขาวทำวัตรสวดมนต์ทุกวัน
หลวงปู่ญาคุสุ เห็นความขยันหมั่นเพียร จึงบอกว่า หากประกอบกิจวัตรรักษาศีลบำเพ็ญเพียรได้ จะพาไปบวชเรียนอยู่สำนักปริยัติธรรมวัดพระธาตุท่าอุเทน กับหลวงปู่สีทัตถ์ โดยบิดามารดาพาขี่ม้าไปที่วัดดังกล่าว
◎ บรรพชาอุปสมบท
หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน นำไปบวชที่วัดพระธาตุ โพนฉัน ที่ฝั่งลาว โดยมี หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน เป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะมีอายุ ๑๐ ขวบ อยู่ จำพรรษาในฝั่งลาว สามเณรสิงห์ได้ศึกษาในสำนักเรียนหลวงปู่สีทัตถ์ หลังออกพรรษา หลวงปู่ญาคูสุ จึงนำสามเณรสิงห์ กลับสู่มาตุภูมิ
หลังเดินทางกลับสู่วัดบ้านเกิด ได้อุปัฏฐากรับใช้ผู้เป็นอาจารย์ ร่ำเรียนอักขระธรรมลาวโบราณ อักขระขอม วิทยาคมและคาถามนต์สาลิกากับ หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว ก่อนไปฝึกทำตะกรุดหนังเสือและจากปล่องไม้ไผ่กับหลวงปู่สาย ทิตตปัญโญ วัดขามเตี้ยใหญ่ ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม จนเชี่ยวชาญแตกฉาน
ยังได้ฝึกกัมมัฏฐานกับหลวงปู่จันทร์ เขมิโย ที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม คอยชี้แนะเดินจงกรมให้ และเรียนนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ที่สำนักเรียนวัดดังกล่าว
บวชเณรนาน ๑๖ ปี จึงอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดวิชัย โดยมี หลวงปู่ญาคูสุ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า “พรหมโชโต” แปลว่า “ผู้มีความรุ่งเรืองประดุจพรหม”
หลังอยู่จำพรรษาที่วัด ๑ พรรษา จึงออกเดินธุดงค์ตามป่าช้าต่างๆ มุ่งเดินทางไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม พระเกจิชื่อดังของเมืองไทย ฝึกวิชากัมมัฏฐาน ฝึกจิตคาถา
จากนั้นจึงเดินธุดงค์ไปพบพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร และหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนกัมมัฏฐาน ฝึกสมาธิให้ ร่ำเรียนวิชาแพทย์โบราณและดูฤกษ์ยามนาน ๑๐ ปี จนแตกฉานแล้ว หลวงปู่ขาว จึงมอบหมายให้หลวงปู่สิงห์ ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านผือ จ.อำนาจเจริญ พัฒนาเสนาสนะนาน ๑๐ ปี สอนศีลธรรมให้ชาวบ้านและกุลบุตร
ต่อมา หลวงปู่ญาคูสุ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ได้มรณภาพ จึงได้กลับมาร่วมงานพระราชทานเพลิง จากนั้นชาวบ้านได้อาราธนานิมนต์กลับมารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวิชัย และเป็นเจ้าอาวาสวิชัยตามลำดับ เพื่อพัฒนาเสนาสนะสร้างหอระฆัง ศาลาการเปรียญ และกุฏิใหม่ ๔ ห้องจวบจนในปัจจุบัน
◎ ลำดับสมณศักดิ์
ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามที่ “พระครูสุทธิพรหมโชติ”
ในปี พ.ศ.๒๕๕๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม
หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต ท่านยังเคยเป็นพระธรรมทูตในประเทศแถบอาเซียน เดินทางไปเผยแพร่ธรรมะจารีตธรรม อาทิ ประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย เป็นต้น
◎ มรณภาพ
พระครูสุทธิพรหมโชติ (หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต) อดีตรองเจ้าคณะตำบลศรีสงคราม เจ้าอาวาสวัดวิชัย บ.หนองบาท้าว หมู่ ๒ ต.ศรีสงคราม จ.นครพนม พระเกจิชื่อดังแห่งลุ่มน้ำสงคราม ละสังขารอย่างสงบ หลังจากอาพาธด้วยโรคชรามานานหลายปี กระทั่งปอดติดเชื้อ ลูกศิษย์จึงนำตัวเข้ารักษาที่ รพ.นครพนม เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓ แต่อาการไม่สู้ดี เนื่องจากชราภาพมากแล้ว กระทั่งละสังขาร เมื่อเวลา ๑๕.๓๕ น. ของวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓ สิริอายุรวมได้ ๙๗ ปี พรรษา ๗๐
◎ อัศจรรย์หัวใจไม่ไหม้ไฟ
มีพิธีพระราชทานเพลิงศพไปเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓ เมื่อเวลา ๒๐.๐๐ น. หลังการเผาร่าง “หลวงปู่สิงห์” ผ่านไประยะหนึ่ง ลูกศิษย์พบเห็นสิ่งผิดปกติบนเมรุชั่วคราว จึงใช้ฟืนจำนวนหนึ่งและถ่าน ๔ กระสอบ สุมไฟให้ลุกโชนจนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. พบว่าสังขาร “หลวงปู่สิงห์” ไม่ไหม้ไฟ จึงเพิ่มถ่านอีก ๔ กระสอบและเชื้อฟืนจำนวนหนึ่ง รวมถึงยางรถยนต์ ๒ เส้นสุมอีกรอบ กระทั่งเวลา ๐๔.๐๐ น. มีโยมคนหนึ่งได้วิ่งหน้าตื่นมาพบอาตมา บอกว่าสรีระสังขารทุกส่วนไหม้หมด แต่ยังเหลือชิ้นส่วนหนึ่งของหลวงปู่สิงห์ คือ หัวใจบนตะแกรงไม่ไหม้ไฟ มีขนาดใหญ่เท่า ๒ กำปั้นมือ สร้างความฮือฮา และความประหลาดใจแก่คณะลูกศิษย์ยิ่งนัก ทั้งที่สุมถ่านและเชื้อฟืน ๒-๓ รอบ จนเวลา ๐๕.๐๐ น. จึงประกอบพิธีเก็บอัฐิ และได้มีแพทย์จาก รพ.ศรีสงคราม เดินทางมาพิสูจน์ยืนยันแล้วว่า เป็นชิ้นส่วนของหัวใจไม่ไหม้ไฟ อีกทั้งยังพบว่า มีญาติโยมคนหนึ่งถ่ายภาพขณะเผาร่างหลวงปู่ พบภาพคล้ายหลวงปู่ยืนโบกมือลาลูกศิษย์
หลังข่าวหัวใจหลวงปู่สิงห์ไม่ไหม้ไฟเผยแพร่ออกไป มีโยมเป็นชายรายหนึ่งโทรศัพท์ติดต่อพระครูปลัดวันเฉลิม อ้างว่าจะขอเป็นเจ้าภาพสร้างพระธาตุศรีวิชัยเจดีย์บูรพาจารย์ และอุโบสถที่มีมูลค่ารวมประมาณ ๕ ล้านบาท แต่ขอนำหัวใจหลวงปู่ไปบูชาปฏิบัติธรรมที่สำนักของตน รักษาการเจ้าอาวาสวัดวิชัยจึงตอบกลับไปว่าหัวใจหลวงปู่ไม่ได้มีไว้ซื้อขาย และจะไม่ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดนำออกไปจากอาณาเขตวัดโดยเด็ดขาด
อัศจรรย์ครั้งที่ ๒ หลัง ‘หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต’ นอกจากหัวใจไม่ไหม้ไฟแล้ว นอกจากนี้ยังพบกระดูกของหลวงปู่สิงห์ที่บรรจุไว้ในโกศแก้วได้กลายเป็นอัฐิธาตุสีขาวนวลผ่อง สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้ที่มากราบไหว้ยิ่งนัก
สำหรับอัฐิ “หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต” ได้ถูกนำไปลอยอังคารที่บริเวณกลางแม่น้ำโขง บริเวณลอยพระพุทธบาทเวินปลา วัดพระบาทเวินปลา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ส่วนชิ้นส่วนหัวใจที่ไม่ไหม้ไฟ ได้ถูกบรรจุในโถแก้วปิดทองคำ และเก็บไว้ที่กุฏิหลวงปู่ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมากราบไหว้บูชา
◎ ด้านวัตถุมงคล
ด้านวัตถุมงคลที่ หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต จัดสร้างเป็น พระขุนแผนพญาไก่แก้ว หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต รุ่นแรก เนื้อว่าน ๑๐๘ ซึ่งสร้างน้อยแค่ ๒๙๙ องค์ และ เหรียญหลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต วัดวิชัย รุ่นแรก ที่กำลังมาแรงเป็นที่แสวงหาของนักอนุรักษ์สะสมพระเครื่อง เนื่องจากมีประสบการณ์