ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่สนั่น จิณณธัมโม
วัดป่าคลองกุ้ง
ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี

หลวงปู่สนั่น จิณฺณธมฺโม ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง เป็นศิษย์อาวุโสของท่านพ่อลี ธัมมธโร และท่านพ่อเฟื่อง โชติโก
◎ ชาติภูมิ
หลวงปู่สนั่น จิณฺณธมฺโม ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๖ ณ บ้านบางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี
◎ ปฐมวัย
ในช่วงวัยเด็กของท่าน ขณะอายุได้ ๑๒ ขวบ มารดาของท่านได้เสียชีวิตลง ทำให้ท่านต้องมาอยู่กับคุณยาย ช่วงที่อยู่กับยายนั้น ทำให้ท่านได้มีโอกาสเข้าวัดทำบุญตามยายในทุก ๆ วันพระ บ้านท่านอยู่ที่บางสระเก้า แต่ต้องเดินทางไปทำนาที่บ้านเขาน้อยท่าแฉลบ โดยทางเรือเป็นประจำ ตอนนั้นเขาน้อยท่าแฉลบเป็นป่าละเมาะ เป็นเขาที่ยังไม่เจริญเพราะไม่มีวัดเขาน้อยท่าแฉลบ

การไปทำนาที่บ้านเขาน้อย ทำให้หลวงปู่สนั่น ซึ่งขณะนั้นเป็นวัยรุ่นหนุ่มอายุ ๑๕ ปี ได้มีโอกาสพบพระธุดงค์ที่เดินทาง หาที่ปักกลดภาวนา คือ ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก แห่งวัดธรรมสถิต จ.ระยอง ท่านพ่อเฟื่อง เห็นชายหนุ่มสนั่นอยู่แถวนั้น จึงถามว่า.. “มีทางขึ้นเขาไหม”
ท่านจึงตอบท่านพ่อเฟื่องกลับไปว่า.. “ไม่มีครับ”
ท่านพ่อเฟื่อง บอกให้ไปเอามีดที่บ้านมาถางทางขึ้นเขา ท่านจึงไปเอามีดมาถางทางขึ้นเขาให้ท่านพ่อเฟื่อง เสร็จแล้วท่านพ่อเฟื่องบอกให้ถางให้เตียนแล้วเอาฟางมาปูพร้อมปูเสื่อทับ เพื่อทำที่ปักกลด ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก ได้ชวนชายหนุ่มสนั่นพักภาวนาอยู่ด้วยกัน ช่วงที่ท่านพ่อเฟื่องได้มาปักกลดอยู่เป็นเวลาเจ็ดวันนั้น ชายหนุ่มสนั่นได้พาท่านพ่อเฟื่องไปบิณฑบาตกับชาวบ้านบริเวณรอบเขาน้อยตลอดเจ็ดวัน เป็นช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ทำให้หลวงปู่สนั่นประทับใจและได้นับถือท่านพ่อเฟื่อง โชติโก เป็นพระอาจารย์องค์แรกของท่านตลอดมา

◎ อุปสมบท
ในช่วงชีวิตวัยหนุ่มของหลวงปู่สนั่น จิณณธัมโม ท่านได้รับใช้ชาติเป็นทหารผ่านศึกอยู่ปีกว่า หลักจากปลดกองหนุนแล้วท่านมีจิตศรัทธา อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๘ โดยมี พระอมรโมลี (เสงี่ยม จิณฺณาจาโร ป.ธ.๖) เจ้าอาวาสวัดจันทนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิพัฒน์วิหารกิจ วัดจันทนาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีท่านพ่อลี ธัมมธโร เจ้าอาวาสวัดป่าคลองกุ้งในขณะนั้น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “จิณฺณธมฺโม” อันมีความหมายว่า “ผู้ประพฤติตามธรรมอันดีแล้ว”

หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท ได้ให้ท่านอยู่จำพรรษา ณ วัดวิเวการาม ในช่วงพรรษาแรก และพรรษาที่ ๓ ทำให้ท่านได้อยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี จากนั้นปี พ.ศ. ๒๔๙๐ หลังออกพรรษาแล้ว ท่านจึงได้มีโอกาสออกติดตามธุดงค์ไปกับท่านพ่อลี ธัมมธโร ช่วงนี้เองเป็นช่วงที่มีความสำคัญในชีวิตสมณะของท่านพ่อลี ธัมมธโร เพราะเป็นช่วงเอาเป็นเอาตายในการฆ่ากิเลส ดังเนื้อหาที่ หลวงปู่สนั่น ได้เล่าไว้ ดังนี้..
ยามว่างหลังจากออกพรรษาทุก ๆ ปี ท่านพ่อลีปรารถนาแสวงหาที่วิเวกภาวนาเสมอ ท่านเป็นผู้ไม่หยุดนิ่งในเรื่องความพากเพียรทางด้านจิตใจ ใคร่ได้ใคร่ถึงวิมุตติธรรม มีความเพียรแก่กล้าหาผู้เทียบได้ยาก ท่านเป็นผู้มีพลังจิตสูงส่ง แม้แต่โจรที่ว่าร้าย ๆ เจอท่านก็ยังหมอบราบเหมือนแมวหรือกระรอกกระแตตัวน้อย ๆ อันว่าเขาฉกรรจ์อยู่ห่างไกลจากกิ่งอำเภอสระแก้วประมาณ ๑๕ กิโลเมตร
“ถ้ำเขาฉกรรจ์” นี้อุดมไปด้วยสัตว์ดุร้ายนานาชนิด อาทิ เสือ หมี ช้าง ฯลฯ ซึ่งอาศัยอยู่รอบ ๆ เชิงเขา เวลากลางคืนดึกสงัด ขณะนั่งสมาธิได้ยินเสียงช้างร้อง เดินเอางวงหักกิ่งไม้อยู่รอบ ๆ เชิงเขา หมู่บ้านที่พระได้อาศัยบิณฑบาตตั้งอยู่ห่างจากเขานี้ประมาณ ๑ กิโลเมตร
ภายในถ้ำนี้เป็นสถานที่เงียบสงัดวิเวก ไม่มีคนรบกวน ผนังถ้ำเป็นเสมือนหลังคาที่กันแดดฝนได้เป็นอย่างดี หน้าถ้ำปลอดโปร่ง แต่ส่วนยอดของถ้ำสูงมาก มีปล่องทะลุออกไปสุดตายตา ผนังถ้ำเต็มไปด้วยรวงผึ้งหลายสิบรัง ภายนอกถ้ำทั่วอาณาบริเวณ มีฝูงลิงใหญ่เล็ก มากระโดดโลดเต้นและเฝ้ามองอยู่โดยรอบ ในที่ไม่ไกลมากนัก มีลำธารน้ำใสสะอาด จนมองเห็นกรวดทรายเบื้องล่าง และเย็นจนหนาวสะท้านเมื่อได้ลงสรงใช้ภาชนะคือกระบอกไม้ไผ่ที่มีปล้องยาว ๆ พอบรรจุน้ำ โดยใช้เถาวัลย์เป็นสายสะพายทางเดินไปบิณฑบาตค่อนข้างไกล ทุรกันดาร


หลวงปู่สนั่น ท่านเล่าเรื่องท่านพ่อลีต่อด้วยความเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่งว่า….
“..พูดก็พูดเถอะ สาธุ!…ท่านพ่อลี ท่านทำอะไร ทำจริงเด็ดขาด ท่านพ่อเทียบให้ฟังว่าไก่บ้านไก่ป่า ไก่บ้านขันคอยาว ไก่ป่าขันเอิกเดียวแล้วก็บินไป อาศัยความเด็ดขาดว่องไวเฉียบแหลม ท่านพ่อสอนว่า “ให้สร้างตัวเองก่อนเถอะแล้วค่อยสร้างวัดวา..”
เขาฉกรรจ์เสือมีมากแต่โจรผู้ร้ายยังมากกว่าเสือ มีโจรรู้ว่าลูกคนรวยมาบวช มีเงินมานั่งสมาธิ มันจะมาปล้น ท่านพ่อใช้พลังจิต มันชักปืนออกมา ปืนสู้พลังจิตท่านไม่ได้ มันจึงยอมกราบ ท่านให้ศีล ๕ แต่พอมันลงจากเขาไป ก็ไปขโมยหมูชาวบ้านไปด้วย
มีอดีตกำนัน เป็นคนมีเงินในถิ่นนั้น โจรผู้ร้ายจ้องจะปล้น กำนันรู้ตัวหนีขึ้นไปขออาศัยนอนที่เขาฉกรรจ์ พอเห็นท่านพ่อลีก็ร้องไห้โฮเสียงดัง บอกว่าหลวงพ่ออย่าหนีไปไหนนะ ถ้าหลวงพ่อไปฉันจะนอนกับใคร นอนบ้านโจรจะมาปล้น ที่บ้านกินข้าวเย็นเสร็จ คนในบ้านต่างคนต่างออกไปหาที่นอนตามทุ่งตามป่า เช้าค่อยกลับมาใหม่
ที่เขาฉกรรจ์นี้มีทางปีนป่ายขึ้นสูงไปหาถ้ำ ภายในถ้ำมี ๓ ชั้น วันนั้นท่านพ่อลีท่านให้ทำบันไดชั่วคราว ๑๑ ขั้น ปีนขึ้นไปอยู่บนชั้นที่สูงสุดคือชั้นที่ ๓ แล้วท่านก็ผลักบันไดลงมา ท่านบอกว่า..
“จะปฏิบัติย่างกิเลส ๑๕ วัน งดหมดเรื่องอาหารการกินภายใน ๑๕ วัน จะขอฉันน้ำเพียงกาเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้ (เห็นธรรมขั้นสูง) จะไม่ลง ยอมตาย”
พวกพระที่ติดตามท่านก็ปฏิบัติอยู่ที่ถ้ำเบื้องล่าง รอคอยท่าน ท่านก็อยู่เงียบของท่านเหมือนคนตายแล้ว ภายใน ๑๕ วัน ไม่เห็นแม้แต่เงาท่าน ไม่รู้ท่านอยู่ได้อย่างไร ท่านคงเสวยฌานสมบัติ พอครบ ๑๕ วัน ก็เอาบันไดไปคอยรับท่าน ท่านก็ลงมา พูดแทบไม่มีเสียง เสียงแหบ ๆ เบา ๆ ท่านบอกว่า..
“..สมความประสงค์” ที่สมความประสงค์ของท่านคงหมายถึงธรรมขั้นสูงท่านสู้ของท่าน ความเพียรพยายามในทางศาสนาของท่าน หาผู้เสมอเหมือนได้ยาก ท่านสู้สุดตัวไม่มีถอย หาไม่มีแล้วในสมัยปัจจุบันที่ใครจะหาญกล้าทำอย่างท่านได้…”
ในช่วงที่หลวงปู่สนั่น ได้พรรษาที่ ๑๐ เป็นช่วงที่ท่านพ่อลี ส่งพระให้ไปบุกเบิกสร้างวัดอโศการาม โดยส่งคณะสงฆ์ไปครั้งละ ๕ รูป หลวงปู่สั่น เป็นรุ่นที่ ๓ ที่ถูกส่งไป เพราะรุ่น ๑ และ รุ่น ๒ ทนความลำบากไม่ไหว จึงกลับกันก่อน พื้นที่วัดอโศการาม ในสมัยก่อนนั้นเป็นป่าชายเลน ป่าแสม ยุงทะเลตัวใหญ่ชุกชุมเหมือนฝูงผึ้ง น้ำจืดและไฟฟ้ายังไม่มี การเดินทางเข้าไปวัดลำบากมาก การบิณฑบาตการขบฉัน อาหารก็ฝืดเคือง พอสร้างวัดอโศการามเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ท่านพ่อลี ก็ส่งท่านไปอยู่วัดธารเกษม อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เป็นเวลา ๘ ปี


หลวงปู่สนั่น จิณณธัมโม องค์ท่านเดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างวัดธารเกษม จ.สระบุรี และวัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี และล่าสุด ท่านได้มอบที่ดินบ้านเกิดของท่านที่บ้านบางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ให้เป็นธรณีสงฆ์ของพระพุทธศาสนา หลวงปู่เป็นพระภิกษุอารมณ์ดี มีเมตตาสูง คณะลูกศิษย์ลูกหา และผู้ที่ได้พบเห็นรู้สึกเย็นอกเย็นใจเมื่อได้อยู่ใกล้องค์ท่าน ด้วยเพราะพลังอำนาจเมตตาจิตของท่านที่เผื่อแผ่ไปไม่มีประมาณ

ปัจจุบัน หลวงปู่สนั่น จิณฺณธมฺโม ท่านมีอายุ ๙๘ ปีแล้ว (พ.ศ.๒๕๖๔) ท่านได้อาพาธและพักรักษาตัวอยู่ อยู่ห้องปลอดเชื้อ ณ กุฏิพระอาจารย์ทอง (กุฏิอดีตเจ้าอาวาสวัดอโศการาม) วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ภายในการดูแลของแพทย์และคณะสงฆ์ และไม่สามารถเดินทางไปโปรดญาติโยมดังเคยปฏิบัติมาได้
ลูกหลานขออาราธนาขอให้หลวงปู่สนั่น จิณฺณธัมโม มีธาตุขันธ์แข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิธรรม สืบต่ออายุพระพุทธศาสนา สืบนานเท่านานเทอญ

◎ ร่วมบุญถวายค่ารักษาพยาบาลหลวงปู่สนั่น จิณฺณธัมโม
ได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขา โรบินสันสมุทรปราการ
บัญชีเลขที่ 989-8-49071-3
ชื่อบัญชี พระพงศพันธุ์ พวงยอด และนางธนาธรณ์ อร่ามรัศมี และนายพันลือ บุญพร
ทางวัดอโศการามเปิดให้ร่วมบุญผ่านบัญชีที่แจ้งนี้เท่านั้น
สอบถามเพิ่มเติม พระพงศ์พันธุ์ พระอุปัฏฐากหลวงปู่ โทร. 089-017-8805
ขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้มีกุซศลเจตนาบุญทุกๆ ท่านนะครับ…สาธุ

◎ โอวาทธรรม หลวงปู่สนั่น จิณฺณธมฺโม
“..บุญ กินไม่หมด ลบไม่ได้..”
“..ชีวิตคนเรามีทางเลือกอยู่๒ทาง
๑. บรรลุ
๒. บรรลัย
ทำความดีแล้วยังเป็นทุกข์ แสดงว่ายังไม่ปล่อยวาง ทำดีเเบบยึดถือ
ถ้าจะให้ดี ทำแล้วมีความสุขสบายใจ อยากทำอะไรก็ทำไปในความดี เเล้วปล่อยวาง..”
ที่มา :ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจ ท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน