วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

หลวงปู่ปิยะ พรหมสะโร วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ปิยะ พรหมสโร
วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

หลวงปู่ปิยะ พรหมสโร วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
หลวงปู่ปิยะ พรหมสโร วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

หลวงปู่ปิยะ พรหมสโร วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) จ.สกลนคร พระเกจิอาจารย์ลึกลับเหนือโลก สายในดงว่ากันว่าท่านคืิอพระครูเทพโลกอุดร

โอกาสแห่งการพบเจอ พระครูเทพโลกอุดร พระผู้ทรงจิตเป็นอมตะที่เชื่อกันว่ามีอายุยืนยาวกว่า ๙๐๐ ปี โดยทุกวันนี้ท่านก็ยังมีชีวิตมีตัวตนอยู่ นั้นมีอยู่ เป็นแต่เพียงโอกาสที่ผู้คนทั้งหลายได้พบได้กราบนมัสการที่ในเบื้องหน้านั้นมีน้อยรายที่จะมีวาสนาขนาดนั้น แม้ผู้ที่มีโอกาสวาสนาอย่างนั้น ถ้าไม่มีศิษย์ที่ใกล้ชิดสามารถติดต่อกับท่านได้อย่างแท้จริง ส่วนมากแล้วไม่มีโอกาสรู้ด้วยซ้ำว่าพระหนุ่มเณรน้อย พระผู้เฒ่าที่ตนกำลังถวายทานร่วมทำบุญกับท่านอยู่นั้นคือ พระครูเทพโลกอุดรครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณวิเศษเป็นที่อัศจรรย์ ซึ่งให้ความเคารพนับถือและแสวงหาต้องการได้พบเป็นอย่างยิ่ง เพราะการมาโปรดญาติโยมที่ให้ความเคารพนับถือท่านนั้น ท่านมาในหลายรูปหลายลักษณะไม่แน่นอนคงที่ในร่างของ ฤาษีผู้มีฤทธิ์ ก็เป็นอรกลักษณะหนึ่งของท่านพระครูเทพโลกอุดร ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงกันมาก โดยการปรากฎตนในร่างเช่นนี้ได้ เกิดขึ้นที่จังหวัดสกลนคร ที่สำนักปฏิบัติธรรมประชาเทพโลกอุดร อำเภอ คำตากล้า ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า วัดโนนชาติ กล่าวกันว่า ณ ที่สำนักปฏิบัติธรรมประชาเทพโลกอุดรแห่งนี้มีปู่ปิยะ เป็นผู้สามารถติดต่ออาราธนาท่านพระครูเทพโลกอุดรให้ปรากฏตนให้คนทั้งหลายได้เห็นได้ เป็นการพบเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เห็นในขณะอยู่ในภาวะปกติไม่ใช่เห็นในสมาธิโดยนิมิต

วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

ตามที่รับฟังคำบอกเล่ามาจากผู้ที่ได้ไปสัมผัสเหตุการณ์เรื่องราวกับตนเองมาแล้วเปิดเผยให้ทราบนั้น ปู่ปิยะที่ว่านี้ ก่อนหน้านั้นท่านเคย บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ที่ทรงคุณวิเศษเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง สามารถติดต่อกับเทพเทวดาและจิตวิญญาณทั้งหลายได้ ทรงฤทธิ์ทรงเดชเรืองเวทวิชา ให้การช่วยเหลือขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยให้แก่ผู้คนได้อย่างกว้างขวาง จึงเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือของผู้คนหมู่มาก แม้ว่าท่านจะเป็นผู้ที่อายุไม่มากมายนัก แต่ผู้คนก็ให้ความเคารพศรัทธายกย่องเรียกขนานท่านตามคุณธรรมที่ปรากฎว่า ปู่ปิยะ เรียกท่านว่าปู่ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณรอายุน้อยแล้ว เป็นเพราะความเป็นผู้ทรงเวทวิชาอันลี้ลับลึกล้ำและมีเจตนาแรงกล้าต่อการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้คนด้วยพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในนานาสารพัดเหตุนั้นเอง ทำให้ท่านไม่อาจจะครองเพศบรรพชิตในฐานะพระภิกษุที่มีศีลวินัยข้อห้ามมากมาย ซึ่งทำให้ไม่สะดวกต่อสิ่งที่จะกระทำในอันที่จะช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น จึงจำต้องลาสิกขาในเวลาต่อมา แม้ว่าจะลาเพศออกมาจากความเป็นพระแล้ว ท่านก็ยังคงไม่ห่างวัดครองตนเยี่ยงนักบวชผู้ถือศีลกินเพล นุ่งขาวห่มขาวเช่นโยคีถือศีลอยู่เช่นเดิม ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้คนตามคุณวิชาที่มีเสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง ผู้คนจึงยังคงให้ความเคารพนับถืออย่างไม่เสื่อมถอย

ผมถามอาจารย์ชม ว่ามีพระเครื่องของพระในดงบ้างไหม (อ.ชมเรียกว่าหลวงพ่อดำ) อ.ชมบอกว่าให้ไปที่วัดเสนานฤมิตร อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร ตอนที่อ.ชมไปยังมีพระเครื่องที่เสกโดยพระอาจารย์ในดงอยู่ที่วัดแต่ตอนนี้ไม่ทราบว่าจะยังเหลืออยู่หรือไม่ ผมก็มุ่งไปวัดเสนานฤมิตรเจอหลวงพ่อปิยะ พอก้มกราบท่านก็มีกลิ่นหอมประหลาดหอมจริงๆไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้ก่อนเพื่อนที่ไปด้วยกันยังบอกว่าหอมชื่นใจจริงๆ กลิ่นหอมโชยอยู่พักหนึ่งก็หยุดหลวงพ่อปิยะก็แจกพระเป็นพิมพิ์สมเด็จซึ่งพระเครื่องก็หอมเหมือนกัน…

เรื่องราวของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” มีบุคคลหลายวงการให้ความสนใจและพิสูจน์ เมื่อครั้งที่ท่านมาปรากฏตัวและแสดงฤทธิ์ให้เป็นที่ประจักษ์ที่วัดโนนชาติ อ.คำตากล้า จ.สกลนคร นั้นมีผู้หลักผู้ใหญ่ บุคคลสำคัญ นักวิชาการบางท่าน รวมถึงชาวบ้านได้ไปรอดูเพื่อพิสูจน์กันอย่างมากมาย และก็ได้เห็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ เหตุการณ์ในวันนั้นทางวัดโนนชาติได้จัดให้มีการทอดกฐินเพื่อถวาย หลวงปู่เทพโลกอุดร เมื่อตั้งองค์กฐินเสร็จ ทุกคนก็สวดมนต์ พอทั้งหมดสวดมนต์จบขณะที่ก้มลงกราบพร้อมกันก็ปรากฏเหตุมหัศจรรย์ มีพระภิกษุรูปหนึ่งสูงเกือบ ๒ เมตร ห่มจีวรลึกลับสีเข้มคลุมตลอดศีรษะ ผมของท่านเป็นหางเปียขนาดใหญ่ยาวเกือบถึงพื้น ท่านปรากฏกายให้ทุกคนเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครทราบ ท่านกระแทกไม้เท้ากับพื้นดังสนั่นแล้วชี้ไปที่องค์กฐินที่ทุกคนต้องถวาย กุฎิทั้งหลังสั่นสะเทือน พอทุกคนก้มลงกราบเสร็จเงยหน้าขึ้นมาดู ท่านก็หายไปแล้ว เหลือแต่กลิ่นหอมประหลาด กลิ่นหอมนี้ไม่เหมือนดอกไม้ที่มีในโลกมนุษย์ หอมมาก และสักครู่ทุกคนก็ได้ยินเสียงไม้เท้ากระทบพื้นอีกครั้ง เมื่อต่างเหลียวไปดูที่ทางเดินก็เห็นพระภิกษุรูปนั้นเดินมาบนถนน ท่านเดินผ่านรถทั้งหมด ๓๑ คันที่จอดอยู่ ทุกคนได้ยินเสียงจีวรสะบัดพรึบเดียว ปรากฏว่ารถทั้ง ๓๑ คัน ได้รับการเจิมเป็นอักขระด้วยแป้งที่หอมมาก และแต่ละคันอักขระจะไม่เหมือนกันเลย แต่หอมและติดอยู่นานเป็นเดือน เมื่อท่านเดินขึ้นมาบนศาลา ท่านเดินไปที่ตุ่มน้ำมนต์ แล้วชี้ไม้เท้าไปที่ตุ่มน้ำมนต์เป่าลมเสียงดัง ๓ ครั้ง อ่างน้ำมนต์กระเทือนจนน้ำมนต์กระฉอกขึ้นทั้งสามครั้ง พอท่านเอาไม้เท้าชี้ไปที่กองมะพร้าวน้ำหอม ๒๐ กว่าลูก ที่ทุกคนถวาย กองมะพร้าวก็สั่นสะเทือนและแห้งหมดทุกใบ

หลวงปู่ปิยะ พรหมสโร วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
หลวงปู่ปิยะ พรหมสโร วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

เสร็จแล้วท่านก็เดินวนรอบคณะผู้มาทอดกฐินที่นั่งเรียงแถวกันอยู่ ทุกคนพากันเอาเงินทำบุญใส่ย่ามท่าน มีบางคนเมื่อเอาเงินใส่ไปในย่ามแล้วก็พยายามล้วงไปจนสุดย่าม แต่ปรากฏว่าล้วงเท่าไหร่ก็ไม่ถึงก้นย่าม มีแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ที่เห็นว่าทุกคนเอาเงินใส่ย่ามถวายท่านจนเต็ม ขณะกลับท่านเดินลงบันได ทุกคนเห็นท่านเดินลงไปที่ถนนแล้วก้าวลอยขึ้นไปบนอากาศหายไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ศรัทธาและผู้ที่มาดูเพื่อพิสูจน์จำนวนมากเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ยังมีเรื่องราวหลักฐานที่น่าสนใจอีกมากเกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดร

ถ้าท่านสนใจอยากติดตามหรือค้นคว้าก็ลองหาอ่านได้จากหนังสือที่ผู้เขียนใช้อ้างอิง ซึ่งเมื่อท่านได้อ่านแล้วเชื่อว่าจะวางไม่ลงทีเดียว ในส่วนของการจะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องของ หลวงปู่เทพโลกอุดร นี้ ผู้เขียนคิดว่าสิ่งเหล่านี้เราควรพิสูจน์ให้รู้ได้ด้วยตัวเอง สำหรับผู้ที่ยังสงสัยไม่แน่ใจเมื่อได้อ่านเรื่องราวของหลวงปู่ฯแล้วลองฝึก “จิต” ดูบ้างซิว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าท่านยังตรัสว่า “ผู้ใดอยากรู้ในสิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็น
อยากรู้สภาวะแห่งนามธรรมต้องทำจิตให้ว่างและผนึกความว่างแห่งตนเข้ากับความว่างของจักรวาล จึงจะรู้ทุกสรรพสิ่ง เพราะ “จิต” เท่านั้นที่จะสามารถอธิบายความลี้ลับของวิญญาณได้”

วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
วัดเสนานฤมิตร (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

บรมครูเทพโลกอุดรจัดสร้างเองที่วัดหลักของสาย คือ วัดโนนชาติ หรือ วัดเสนานฤมิตร อ.คำตากล้าจ.สกลนคร เป็นเพชรเม็ดงามของสายในดง พิธีใหญ่ พิธีดี ผู้ศรัทธาในงานล้วนมีส่วนร่วมสร้าง โดยบรมครูเทพโลกอุดรท่านมาด้วยกายหยาบให้เห็นกันตัวเป็นๆ ตาเนื้อทุกคนสามารถมองเห็น ไม่ใช่ร่างทรงแต่อย่างใด ท่านทำพิธีเองตั้งแต่ต้นจนจบ จึงส่งต่อให้หลวงปู่ปิยะและญาติโยมที่มาร่วมบุญช่วยกันกดพิมพ์พระ การสร้างพระเป็นแบบโบราณคือตำมวลสารด้วยมือ กดพิมพ์ด้วยมือ ทุกขั้นตอนล้วนแต่มีความศักดิ์สิทธิ ตัวกระผมเองก็เป็นหนึ่งในคนร่วมงานและช่วยกดพิมพ์ แม้ตอนนั้นจะยังเด็กแต่ก็จำได้ไม่เคยลืม พระชุดนี้และชุดพระแก้วก่อนหน้านี้ มวลสารหลักคือมวลสารในดงอันลึกลับ มีเสห่น์เป็นของตัวเอง กาลก่อนนั้นก็เคยแบ่งมวลสารชุดนี้ให้หลวงพ่อชาญนรงค์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ ครั้งเจอกันในป่าและฝากตัวเป็นศิษย์ของบรมครู จากนั้นหลวงพ่อชาญนรงค์ก็ได้ใช้มวลสารในดงนี้บวกกับวิชาอันแก่กล้าของท่านเองผสมเป็นพระยอดนิยมในปัจจุบัน

ครั้งถึงคราวหลวงปู่หมุนจะสร้างพระยอดนิยมดวงเศรษฐีก็ได้อันเชิญพระรุ่นแรกรูปไข่หลังพระแก้วที่ท่านติดตัวอยู่ในย่ามตลอด มาบดทำเป็นมวลสารสร้างพระของท่านจนโด่งดังถึงปัจจุบัน หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็ได้กราบฝากตัวเป็นศิษย์บรมครูที่วัดโนนชาติ ครานั้นท่านต้องมาพักแรมที่วัดถึง ๑ เดือนกว่าจะได้พบบรมครูเทพโลกอุดร เหตุการณ์นี้ได้ระบุไว้ในหนังสือชีวประวัติของท่าน

และยังมีอีกหลายๆ เกจิที่ศรัทธาพระชุดนี้และมวลสารชุดนี้ได้ขออนุญาติบรมครูขอนำไปสร้างพระของตนเองก็โด่งดังเป็นพลุแตก ประวัติสายในดงนั้นนับว่าทุกคนเสมือนเครือญาติกัน เชื่อมโยงกันเป็นใยแมงมุม ที่แตะตรงไหนก็สามารถเชื่อมถึงกันได้หมด ปัจจุบันสายในดงเรานั้นเริ่มได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้นเนื่องจากใช้แล้วเกิดผล และคนชอบที่จะศึกษาประวัติมากขึ้น ถ้าใครมีวาสนาหรือมีกำลังที่สามารถเก็บบูชาได้จะยิ่งเสริมดวงชะตาพลิกชีวิตให้ท่านเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นแน่แท้ ดังนั้นประวัติพระชุดนี้จึงไม่ธรรมดา เช่นรุ่นแรกพระรูปไข่หลังพระแก้ว ก็แสดงปาฎิหารให้โยมที่อยู่ในวัดต่างตะลึงกันมาแล้ว พอเสกคาถาบูชาพระแล้วนั้น ปรากฎว่าพระที่อยู่ในบาตรน้ำมนต์ต่างก็บินว่อนหมุนไปมาอยู่ในบาตร อย่างกับว่ามีแม่เหล็กดึงดูด เสียงที่หมุนนั้นดังทั่วศาลาไม้ที่สร้างใหม่ จึงไม่แปลกที่คนที่ศรัทธาและรู้และศึกษามาจึงต่างหวงแหนพระเครื่องชุดนี้เป็นอย่างมาก

คาถาบูชาหลวงปู่เทพโลกอุดร
ซึ่งหากใครท่องบูชาและอธิษฐานขอให้ท่านคุ้มครอง สิ่งต่างๆ ที่ไม่ดีก็จะถูกปัดเป่าให้พ้นไป บางคนท่องบูชามากๆ เข้าจะสามารถสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างได้ คาถาบทนนั้นเริ่มต้นด้วย นะโม ๓ จบ และตามด้วย “โลกุสสะโร มหาเถโร อะหังวันทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ

พระสมเด็จโลกอุดร หลังเรียบ มวลสารในดง หลวงพ่อปิยะ วัดโนนชาดจ.สกลนคร
พระสมเด็จโลกอุดร หลังเรียบ มวลสารในดง หลวงพ่อปิยะ วัดโนนชาดจ.สกลนคร
พระสมเด็จโลกอุดร หลังยันต์สาม มวลสารในดง หลวงพ่อปิยะ วัดโนนชาดจ.สกลนคร
พระสมเด็จโลกอุดร หลังยันต์สาม มวลสารในดง หลวงพ่อปิยะ วัดโนนชาดจ.สกลนคร
พระสมเด็จโนนชาติ วัดโนนชาติ จ.สกลนคร ปี2538
พระสมเด็จโนนชาติ วัดโนนชาติ จ.สกลนคร ปี พ.ศ.๒๕๓๘

● วัตถุมงคลลึกลับเหนือโลกที่เสกร่วมโดยพระอาจารย์ในดง (ปู่ใหญ่) และหลวงปู่ปิยะ
สมเด็จโลกอุดร” พระสมเด็จหลวงปู่ปิยะ วัดโนนชาติ จ.สกลนคร เกิดจากบรรดาลูกศิษย์ขอร้องใหัท่านสร้างเพื่อมีไว้บูชาเป็นศิริมงคล ท่านจึงสั่งให้ศิษย์จัดหาแม่พิมพ์พระมา ส่วนมวลสารหลัก ท่านจะนำมาจากในดง (ภูเขาควาย) ผสมกับมวลสารทางโลก ได้แก่ ดอกไม้ที่บูชาพระแล้ว ดอกบัว ใบบัวแห้ง มีทั้งเนื้อว่าน เนื้อผงพุทธคุณ เนื้อว่านใบบัว พิมพ์พระสมเด็จหลักเท่าที่ปรากฎ มี
๑.พิมพ์ใหญ่หลังเรียบ มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
๒.พิมพ์ใหญ่แขนกลม หลังหมุด(สังเกตุมีเนื้อเกินกลมๆกลางหลังพระค่อนมาทางด้านบน)
๓.พิมพ์ฐานแซม หลังยันต์สาม
๔.พิมพ์ฐานแซม หลังยันต์ เนื้อขาวผงพุทธคุณ
๕.พิมพ์ปรกโพธิ์
๖.พิมพ์คะแนน
๗.พิมพ์พิเศษต่างๆ เช่น พิมพ์ไกเซอร์ พระทั้งหมดได้บรรจุในกล่องได้ ๔๒ กล่องเตรียมถวายหลวงปู่เทพโลกอุดร พระทั้งหมดได้หายไปในเวลาประมาณตี ๑ กว่า บางท่านก็เล่าขานว่าท่านใช้จีวรสะบัดพรึบ พระหายไปหมด แต่อย่างไรด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ หลวงปู่เทพในร่างฤาษีได้นำไปในดงเรียบร้อยแล้ว