ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่นิ่ม โชติธัมโม

วัดพุทธมงคล (หนองปรือ)
อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

พระครูสุนันทโชติ (หลวงปู่นิ่ม โชติธัมโม) วัดหนองปรือ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้สร้างตำนานเครื่องรางของขลัง “ปูหนีบทรัพย์” แห่งเมืองสุพรรณบุรี

◉ ชาติภูมิ
หลวงปู่นิ่ม โชติธัมโม วัดหนองปรือ เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๑ เป็นชาวสุพรรณบุรีโดยกำเนิด ด้วยกิริยามารยาทของท่านที่เรียบร้อยมาตั้งแต่เด็ก มารดาจึงตั้งชื่อให้ว่า “นิ่ม”

เมื่อเรียนจบประถมศึกษาปีที่ ๕ แล้ว (สมัยก่อนถือว่าสูงมากเพราะคนส่วนใหญ่เรียนกันแค่ ป.๔ เป็นครูประชาบาลได้แล้ว) ท่านได้ช่วยทางบ้านประกอบกิจการระยะหนึ่ง แต่ด้วยความมีจิตใจเข้าหาทางพระพุทธศาสนา จึงขออนุญาตบิดา-มารดาอุปสมบท

◉ อุปสมบท
ขณะอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ จึงเข้าอุปสมบท โดยมี พระสมณกิจพิศาล (หลวงปู่เปลื้อง) วัดสุวรรณภูมิ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปริยัติคุณาภรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุจินต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “โชติธมฺโม” มีความหมายว่า “ผู้โชติช่วงในพระธรรม”

จากนั้น หลวงปู่กล้าย วัดหงส์รัตนาราม ชักชวนให้ไปอยู่จำพรรษาด้วย พร้อมสอนวิทยาคมและเรียนพระปริยัติธรรม มุมานะ ศึกษาเล่าเรียนจนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก นอกจากนี้ ยังศึกษามูลกัจจายน์และเรียนภาษาบาลีแปลพระธรรมบทด้วย

มีความสนใจด้านวิทยาคม ฝากตัวเป็นศิษย์ พระเทพวุฒาจารย์ (หลวงปู่เปลื้อง) พระเกจิอาจารย์ใหญ่เมืองสุพรรณบุรี ที่สืบวิชาอาคมของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และ หลวงปู่สอน วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี และเป็นศิษย์ พระธรรมมหาวีรานุวัตร สืบสาย หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก

พระเกจิในอดีตที่ถ่ายทอดวิชาให้หลวงปู่นิ่มมากที่สุด คือ หลวงปู่กล้าย วัดหงส์ฯ พร้อมได้ร่ำเรียนคาถาเคล็ดวิชาอาคมจากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, สมเด็จพระสังฆราช (ป๋า) วัดโพธิ์ฯ, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิศ, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง, หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว, หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม, หลวงพ่อสม วัดดอนบุปผาราม, หลวงพ่อหรุ่น วัดเสาธงทอง, หลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ และหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นต้น

ช่วงเวลาว่าง มักเดินทางไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย

เมื่อได้สนทนากัน หลวงพ่อแต้ม แนะนำให้มาสร้างวัดหนองปรือ (วัดพุทธมงคล) ต.สระแก้ว ด้วยพื้นที่ที่เงียบสงบ เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมและเจริญกัมมัฏฐาน

ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ หลวงปู่นิ่ม จึงได้ช่วยสร้างวัดพุทธมงคล พร้อมทั้งรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ต่อมาชาวบ้านแถบนั้นเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ได้ช่วยกันสร้างกุฏิไม้ เพื่อใช้เป็นที่เจริญสมณธรรม

จากเริ่มแรกมีเพียงกุฏิไม้หลังเดียว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาขึ้น เพียบพร้อมด้วยเสนาสนะ อุโบสถ, ศาลาการเปรียญ, หมู่กุฏิสงฆ์, หอระฆัง, หอสวดมนต์, ซื้อที่ดินขยายเขตวัด ฯลฯ

ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดพระธรรมวินัย และเป็นศิษย์พระเกจิดังมากมาย ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักรวดเร็ว

ในแต่ละวันมีผู้เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมากราบนมัสการรับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ไม่ขาดสาย ปัจจัยที่ได้จากการบริจาคศรัทธาก็นำมาพัฒนาวัด สร้างสาธารณูปโภค สาธารณูปการ รวมทั้งบริจาคสาธารณกุศลช่วยชุมชน

ปรารภเสมอว่า ทรัพย์สินเงินทองไม่มีความจำเป็นต่อสมณเพศ เพราะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยศรัทธาของญาติโยม

ส่วนหลักธรรมที่พร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด คือ การรักษาศีล ๕ ให้มุ่งทำดีละชั่วแล้วชีวิตจะพานพบแต่สิ่งดีๆ

เป็นพระเกจิที่มีชีวิตความเป็นอยู่สมถะ เรียบง่าย มักจะพร่ำสอนว่า “คนเราจะมีความสุขสงบในสังคมได้ ต้องถือศีล ๕ เพราะทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้นภัยเวรต่างๆ ได้ แต่ที่พวกเรารู้สึกว่าทำได้ยากหรือขัดกับชีวิตประจำวัน เพราะจิตใจของเราเป็นสำคัญ”

พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลสระแก้ว

กล่าวขวัญกันว่า หลวงปู่นิ่ม เมืองสุพรรณเก็บตัวเงียบมานาน แต่คนสุพรรณฯ รู้จักดี ด้วยความที่มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธา จึงสร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายรุ่น ทั้งเหรียญพระ พระผง รูปหล่อ พระกริ่ง ฯลฯ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปของจังหวัดสุพรรณบุรี

ครั้งหนึ่งเคยมีลูกศิษย์ใส่สร้อยตะกรุดหลวงปู่นิ่มไปกราบนมัสการหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ ปีที่หลวงพ่อคูณเริ่มดัง หลวงพ่อคูณจะเสกทั้งสร้อย ท่านจับแล้วลืมตา หยิบตะกรุดออกและบอกว่า “บ่ บ่ ใช้ได้แล้ว เฮ็ดเสียแรงโลด”

หลวงพ่อพยุง วัดบรรลังก์ เคยกล่าวไว้ว่า “บ้านเรา อีกหน่อยจะเหลือแต่อาจารย์นิ่ม วัดพุทธมงคล เขาเสกของขึ้น”

◉ ด้านวัตถุมงคล
ด้วยความที่หลวงปู่นิ่มเป็นผู้ที่มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก หลวงปู่นิ่ม จึงได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายรุ่น ทั้งเหรียญพระ พระผง รูปหล่อ เครื่องรางของขลัง ฯลฯ เพื่อมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างเสนาสนะภายในวัด

หลวงปู่นิ่มได้จัดสร้างเหรียญวัตถุมงคล ผูกพัทธสีมา ปี พ.ศ.๒๕๔๐ ท่านเสกเงียบๆ ที่กุฏิ ปรากฏว่า เมื่อท่านปิดกุฏิเสกสายฟ้าพุ่งเป็นสาย เข้าหากุฏิท่านจนเสกเสร็จ ชาวบ้านจึงได้ตั้งฉายาว่า “เหรียญสายฟ้าฟาด”

เหรียญรุ่นนี้สร้างโดยคณะกรรมการวัดเพื่อที่จะแจกในงานฝังลูกนิมิต โดยขออนุญาตหลวงปู่นิ่มสร้างเป็นครั้งที่๑ จึงตั้งชื่อเหรียญรุ่นแรก เป็นเหรียญรูปไข่หูในตัว หลวงปู่นั่งสมาธิ สังฆาฎิเป็นยันต์ “เฑาะว์” ด้านหน้ามีคำว่า “พระครูสุนันทโชติ (หลวงพ่อนิ่ม)” ด้านหลังเป็นยันต์ “จินดามณี” เป็นประธาน ด้านบนมีข้อความว่า “ที่ระลึกงานผูกพัทธสีมา” ด้านล่างมีคำว่า “วัดพุทธมงคล สุพรรณบุรี ๗-๑๕ ก.พ.๒๕๔๐”
หลวงปู่นิ่มเสกในกุฎิ และนำเข้าพุทธาภิเษกในอุโบสถ วัดพุทธมงคลก่อนงานผูกพัทธสีมา มีเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสก ๕ รูป
๑. หลวงพ่อดี วัดพระรูป
๒. หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญาวารี
๓. หลวงพ่อบุญ วัดพันตำลึง
๔.ห ลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง
๕.ห ลวงพ่อพล วัดวังยายหุ่น

◉ อภินิหารเหรียญรุ่นแรก
ครั้งสำคัญเมื่อหลวงปู่นิ่มออกเหรียญผูกพัธสีมา ปี พ.ศ.๒๕๔๐ ท่านเสกเองเงียบๆที่กุฎิ ปรากกฏว่าเมื่อท่านปิดกุฎิเสกเมื่อไหร่ สายฟ้าพุ่งเป็นสายๆ เข้าหากุฎิท่านจนเสกเสร็จทุกวันทุกวัน ชาวบ้านลือกันว่าท่านเชิญเทวดาเข้ากุฎิ เหรียญนี้จึงได้ฉายาว่า เหรียญ ”สายฟ้าฟาด” พอแจกออกไปเกิดปาฎิหาริย์มากมาย ใครจนอยู่เลิกจน ค้าขายไม่ดีเลิกขายไม่ดี กิจการเปลี่ยนหลังมือ เป็นหน้ามือ อย่างไม่น่าเชื่อ หลวงปู่นิ่ม เต็มอิ่มด้วยพุทธคุณ สูงล้นด้วยพลังจิต ใจกล้ายิ่งกว่าแม่น้ำ พุทธคุณสูงส่ง ดงกงจักรปักใจ พระแท้เมืองสุพรณที่คนสุพรรณกราบแล้วกราบอีก

ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงปู่นิ่ม ที่ได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสม โดยเฉพาะเครื่องรางของขลัง “ปูหนีบทรัพย์” ซึ่งสร้างจากตำราโบราณ จากนั้นก็ลองทำเครื่องรางปูหนีบทรัพย์ และปลุกเสกด้วยคาถาที่ระบุไว้ ตอนนั้นแกะด้วยไม้ระกำ พอปลุกเสกได้แล้วก็เอาวางไว้ที่หัวนอน

ครั้งแรกที่หลวงปู่นิ่มทำปูหนีบทรัพย์ ลักษณะเป็นแหวนปูหนีบทรัพย์ ทำอย่างโบราณลงยันต์กำกับไม่ค่อยสวยนัก ทำไว้ ๓ ขนาด ว่ากันว่าดีทางด้านเงิน โชคลาภ ลงทุน เสี่ยงโชค

◉ คาถาบูชาแหวนปูหนีบทรัพย์
ท่องนะโม ๓ จบ แล้วว่า “พุทธัง ธัมมัง สังฆัง อาราธนานัง มะอะอุ อุมะอะ อะอุมะ สาธุ”