ประวัติ พระครูนวกรรมโกวิท หลวงปู่นาค วัดป่าใหญ่ (วัดมหาวนาราม) อ.เมือง จ.อุบล
(พ.ศ. ๒๔๔๐ – ๒๕๒๘)
ชาติภูมิ
พระครูนวกรรมโกวิท (นาค ภูริปญฺโญ) ซึ่งบางครั้งบรรดาศิษยานุศิษย์และผู้เคารพศรัทธา โดยทั่วไปเรียกขานนามว่า “หลวงปู่นาค” นามเดิม นาค นามสกุล แก้วเลิศศรี เกิดวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๙ ค่่า เดือน ๙ ปีจอ ณ ต่าบลเพียไฟ อำเภอเพียไฟ แขวงปากเซ เมืองนครจ่าปาศักดิ์ (ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในปัจจุบัน) นามของบิดามารดาไม่ สามารถสืบค้นได้
การศึกษาบรรพชาและอุปสมบท
พระครูนวกรรมโกวิท ได้บรรพชาอุปสมบท เมื่ออายุ ๒๑ ปีในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๑
ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๗ ค่่า เดือน ๘ ปีมะเมีย ได้รับนามฉายาว่า “ภูริปญฺโญ” ซึ่งหมายถึงผู้มีปัญญาอัน เจริญ โดยมีพระครูสุตาธิคุณ วัดเพียไฟ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระชาลาเป็น พระกรรมวาจาจารย์ และพระชา อบ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ต่อมาพระอุปัชฌาย์ได้น่ามาฝากจ่าพรรษา ณ วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่) เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม ปรากฏว่าสามารถสอบนักธรรมชั้นตรี โท และเอกได้ตามล่าดับที่ นักเรียนประจำจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ที่วัดสุปัฏนารามในขณะนั้น
พระธรรมเสนานี (กิ่ง มหปฺผโล) เมื่อครั้งด่ารงมมณศักดิ์ที่พระรัตนเมธี เจ้าคณะจังหวัด
อุบลราชธานี มีแนวคิดที่จะฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานแก่พระภิกษุสามเณร และพุทธศาสนิกชนทั่วไป จึงได้จัดตั้งสำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานขึ้นภายในวัดมณีวนาราม (วัดป่าน้อย) โดยสร้างกุฏิกัมมัฏฐานหลังเล็กๆขึ้น จำนวน ๑๐ หลัง ในพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของวัด และได้อาราธนาพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙) อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระจากวัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร มาแนะนำฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นประจำ แต่เนื่องจากพระรัตนเมธี รับภารธุระการคณะสงฆ์และพระศาสนามาก จึงสนับสนุนและมอบหมายให้พระครูนวกรรมโกวิท ดำเนินการฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อไป โดยได้ส่ง “หลวงปู่นาค” ไปศึกษาอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานเพิ่มเติม ที่สำนักวัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา ๑ พรรษา หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับมาจัดตั้งสำนักฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดมหาวนาราม และสนับสนุนให้วัดต่างๆ ในเขตปกครองจัดตั้งสำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานขึ้นอีกหลายวัด
การที่หลวงปู่นาคมีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดและมีพลังจิตที่มีพลานุภาพมาก ก็เนื่องจากความสนใจ ใฝ่รู้ศึกษาอบรมด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานมาก่อน จนทำให้วัดมหาวนารามกลายเป็นวัดสายปฏิบัติหรือสาย วัดป่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี สืบเนื่องจากชื่อเดิมว่า “วัดป่าหลวง” จนกลายเป็น “วัดป่าใหญ่” หรือวัดมหาวนารามในปัจจุบัน
หน้าที่การงาน
ด้านการปกครอง
พ.ศ. ๒๔๖๘ เจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม
พ.ศ. ๒๔๖๘ พระอุปัชฌาย์ในเขตปกครองสงฆ์เมืองอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๔๘๕ เจ้าคณะหมวดขามใหญ่
พ.ศ. ๒๕๒๑ เจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม (พระอารามหลวง)
ด้านการเผยแพร่
พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้รับการอบรมและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเผยแผ่จังหวัดอุบลราชธานี ทำหน้าที่ อบรมสั่งสอนศิษยานุศิษย์ทั้งภาคปริยัติธรรมและฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานที่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ด้านสาธารณูปการ
พ.ศ. ๒๔๗๑ – ๒๕๒๘ หลวงปู่นาคได้บอกบุญศรัทธาญาติโยม พุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ ซึ่งมีความเลื่อมใสในพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ได้ร่วมกันเสียสละบริจาคทุนทรัพย์ ในการทำนุบำรุงซ่อมแซมวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เช่น ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ มุงหลังคาด้วยแผ่นกระดานไม้ เป็นต้น และก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ หอระฆัง ศาลานาบุญ กุฏินวกรรมโกวิท ธรรมสภาสถานตึกโกศัลวัฒน์ กุฏิที่พักผู้ปฏิบัติธรรม และหอระฆังทรงไทย รวมเป็นเงินทุนก่อสร้างจ่านวนหลายล้าน บาท
ปฏิปทาจริยาวัตร
จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโสหลายคน ที่อาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่รอบวัดมหาวนารามได้กล่าวถึง ปฏิปทาจริยาวัตรของหลวงปู่นาค ซึ่งพอสรุปได้ ดังนี้
๑) เป็นพระเถระสุปฏิปันโนที่สมควรได้รับการยกย่องเคารพบูชาสักการะกราบไหว้ได้อย่างสนิท ใจเป็นอย่างสูงจากพระภิกษุสามเณรศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนที่ได้พบเห็นอย่างแท้จริง
๒) เป็นพระเถระที่ควรให้ความเคารพยิ่ง และยึดมั่นตามหลักธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ให้ ความสำคัญกับการลงท่าวัตร สวดมนต์ เช้า-เย็น มิได้ขาด และตั้งกฎกติกาเคร่งครัดกับ พระภิกษุสามเณรและศิษย์วัด ต้องหมั่นทำวัตรสวดมนต์ท่องบ่นเป็นประจำทั้ง เช้า-เย็น
๓) ตื่นจากการจำวัดตอนตี ๔ เป็นประจำสิ่งที่ปฏิบติก่อนลงทำวัตรสวดมนต์ คือ การกวาดลานวัด ลานวิหาร ลานเจดีย์เป็นประจำ เพื่อเป็นอุบายวิธีสอนพระภิกษุ สามเณรในวัดมิให้เกียจคร้านในการปฏิบัติกิจวัตรประจำของสงฆ์
๔) ไม่ชอบเทศน์สั่งสอน หรือขึ้นธรรมาสน์เทศน์เอง แต่มักจะมอบให้พระภิกษุสามเณรฝึกหัด เทศน์บนธรรมาสน์แทนอยู่เสมอ มีผู้เล่าว่าในขณะที่นั่งฟังเทศน์แม้จะเป็นภิกษุหรือสามเณร ขึ้นเทศน์หลวงปู่ก็แสดงความเคารพในพระธรรมนั่งฟังด้วยการประณมมืออย่างมั่นคง มือจะไม่หย่อนหรือตกลงแม้แต่น้อย หรือแสดงอาการเมื่อยล้าให้เห็นเลย จนกระทั่งเทศน์จบ
๕) สั่งสอนโดยไม่พูดอ้อมค้อม แบบพูดตรงไปตรงมา เช่น ถ้ามีพระ (บวชใหม่) เดินลงจากกุฏิ เสียงดัง ก็จะดุว่า “พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอน” แต่นั้นมาพระรูปนั้นก็จะไม่เดินเสียงดังอีก หลวงปู่ จะสอนด้วยการทำตนเองให้เป็นแบบอย่างของลูกศิษย์ ผู้ที่ได้พบเห็นปฏิปทาจริยาวัตรก็จะ เกิดความศรัทธาเลื่อมใส และเกิดความเคารพเกรงใจ ตามหลักการที่ว่า “เมื่อผู้นำเคร่งครัด พระธรรมวินัย ลูกศิษย์พระเณรในวัดก็ปฏิบัติเคร่งครัดตามผู้นำด้วย”
๖) เน้นสอนการเดินจงกรม นั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากในอดีต วัดมหาวนาราม เป็นวัดป่าอบรมวิปสสนากัมมัฏฐานสายวัดมหาธาตุ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นสาขาแห่งแรกในภาคอีสาน และได้นำหลักสูตรการสอนวิชาอภิธรรมมาเปิดสาขาที่จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันยัง มีการเรียนการสอนวิชานี้อยู่อย่างต่อเนื่อง
ความสามารถพิเศษ
หลวงปู่นาค นอกจากเป็นพระเถระผู้คงแก่เรียนและเคร่งครัดทั้งสายปริยัติและปฏิบัติแล้ว ความรู้ ความสามารถพิเศษที่ได้รับการถ่ายทอดจากบูรพาจารย์ คือการอ่านเขียนหนังสือผูก ไม่ว่าจะเป็นอักษร ขอม อักษรไทยน้อย (ภาษาลาว) และอักษรธรรมได้อย่างแตกฉานเชี่ยวชาญ รวมทั้งการลงอักขระอาคมลงในตะกรุด แผ่นโลหะและผ้าประเจียด (ผ้ายันต์) ซึ่งลูกศิษย์ ต่างเล่าขานกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และน่าอัศจรรย์ ทั้งในด้านอยู่ยงคงกระพัน และเมตตามหานิยม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของหลวงปู่ที่สำคัญ ก็คือ การสวดบทไทยน้อย – ไทยใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นคาถาสวดที่ทรงความขลังและศักดิ์สิทธิ์ คณะสงฆ์วัดมหาวนารามใช้สวดเพิ่มเติมต่อจากบทสวดมนต์ในเจ็ดตำนานและสิบสองตำนานในการทำวัตรเป็นประจำและในเวลาเจริญพุทธมนต์ในงานบุญกุศลต่างๆ เพราะเจ้าภาพมีความเชื่อว่าก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ขับไล่ผี เสนียดจัญไร โรคภัยทุกข์เข็ญได้อย่างน่าอัศจรรย์ การสวดบทไทยน้อย – ไทยใหญ่ ยังคงได้รับการถ่ายทอดสืบสานจนถึงปัจจุบัน
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีในราชทินนามที่
“พระครูนวกรรมโกวิท”
พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้เลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้เลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ต่าแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นตรีในพระราชทินนามเดิม
มรณภาพ
หลวงปู่ได้มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ปี พรรษา ๖๘
พระครูนวกรรมโกวิท หรือหลวงปู่นาค เป็นพระเถระสุปฏิปันโนที่มีปฏิปทาวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด น่าเคารพเลื่อมใสของบรรดาศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชนชาวอุบลราชธานีและทั่วไปเป็นอย่างมาก แม้ว่าหลวงปู่จะมีเชื้อสายมาจากประเทศลาว แต่ตลอดชีวิตเพศบรรพชิตก็ได้รับภารธุระพระพุทธศาสนาที่เมือง อุบลราชธานีโดยตลอด นับว่าหลวงปู่นาคได้ทำคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่พระพุทธศาสนาและบ้านเมืองอย่างอเนกอนันต์ ทั้งทางคันถะธุระและวิปัสสนาธุระให้มั่นคงในเมืองอุบลราชธานี จึงสมวรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น “ปราชญ์” อย่างแท้จริง
หนังสืออ้างอิง
ประวัติวัดมหาวนาราม (พระอารามหลวง) : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๒.