ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ) วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมืองเลย
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร มีนามเดิมว่า ท่อน ประเสริฐพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๑ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง ณ บ้านหินขาว ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น
โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายแจ่ม และนางทา ประเสริฐพงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๑๙ คน ท่านบุตรคนที่ ๖
การศึกษาเบื้องต้น
ในวัยเยาว์ สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จากโรงเรียนบ้านหินขาว ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น แต่ด้วยฐานะทางบ้านยากจน ท่านจึงได้ลาออกจากโรงเรียนมาช่วยบิดามารดาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว
ต่อมาได้เรียนต่อที่โรงเรียนผู้ใหญ่ที่บ้านหินขาว สอบเทียบได้ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ แล้ว ท่านไม่ได้เข้าศึกษาต่อ เพราะต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว จึงเป็นเหตุให้ต้องออกจากโรงเรียนอีกครั้ง เพื่อมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว
การอุปสมบท
ช่วงวัยหนุ่มฉกรรจ์ เป็นคนติดเพื่อนฝูง กินเหล้าเมายา จีบสาวตามบ้านต่างๆ ในละแวกนั้น ทำให้โยมบิดา-โยมมารดา เป็นกังวลใจมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป บุตรชายคงจะเสียคนเป็นแน่ จึงได้ปรึกษากันขอให้บุตรชายบวชเรียน โยมบิดาจึงนำตัวบุตรชายไปฝากกับหลวงปู่คำดี ปภาโส พระเกจิชื่อดังแห่งวัดป่าชัยวัน ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น แต่หลวงปู่คำดีมีข้อแม้ว่า ก่อนบวชจะต้องรักษาศีล นุ่งห่มขาว เจริญภาวนา กินข้าวมื้อเดียวก่อน
ครั้นอยู่ทดสอบจิตใจได้ ๕ เดือน หลวงปู่คำดีได้อนุญาตให้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ขณะมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๑ ณ พัทธสีมาวัดศรีจันทร์ (พระอารามหลวง) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีพระเทพบัณฑิต (มหาอินทร์ ถิรเสวี สินโพธิ์ ป.ธ.๕) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพิศาลสารคุณ วัดศรีจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูคัมภีรนิเทศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุพจน์ อุตฺตโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางไปพำนักจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่คำดี ณ วัดป่าชัยวัน โดยหลวงปู่คำดี เป็นอาจารย์กัมมัฏฐาน คอยสอนให้ทำภาวนา นั่งสมาธิกัมมัฏฐาน เน้นเรื่องสติ สมาธิ และปัญญา ระยะเวลาผ่านไปนานพอสมควร ท่านได้ช่วยครูบาอาจารย์แบ่งเบาภาระในการสอนคนที่จะมาบวช ด้วยการสอนขานนาค เป็นต้น ครั้นถึงช่วงออกพรรษา ได้เป็นหัวหน้าออกเดินธุดงค์เข้าป่าเป็นกิจวัตร
ได้รับโอวาทจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ครั้งหนึ่งท่านได้มีโอกาสพบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายพระป่า และได้รับโอวาทอันทรงคุณค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้จากหลวงปู่มั่น
“ให้เร่งทำความเพียร มิให้ประมาท ชีวิตนี้อยู่ได้ไม่นานก็ต้องตาย”
หลวงปู่ท่อน ยังได้มีโอกาสไปกราบเยี่ยมครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, หลวงพ่อมหาปิ่น ชลิโต เป็นต้น
หลังจากช่วยงานการครูบาอาจารย์เสร็จสิ้น หลวงปู่คำดีได้นำหมู่คณะออกวิเวกไปทาง จ.เลย ตอนนั้นหลวงปู่ท่อนบวชได้ ๗ พรรษาแล้ว
พ.ศ.๒๔๙๗ หลวงปู่คำดี นำคณะเข้าป่าและถ้ำต่างๆ ได้ภาวนาทำความเพียร ตลอดจนให้ศรัทธาญาติโยมมาฟังธรรมะ และในพรรษานี้หลวงปู่ท่อนได้อยู่จำพรรษา ณ วัดถ้ำผาปู่นิมิตร ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย กับหลวงปู่คำดีด้วย
หลวงปู่ท่อนอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่นิมิตร ได้ ๒ พรรษา ก็มีศรัทธาญาติโยมมาขอให้ไปโปรดที่วัดถ้ำตีนผา อ.เชียงคาน จ.เลย ๑ พรรษา ต่อมาหลวงปู่คำดีเกิดอาพาธเจ็บป่วยด้วยโรคชรา ท่านจึงกลับมาเยี่ยมและช่วยสร้างวัดถ้ำผาปู่นิมิตรไปด้วย จวบกระทั่งหลวงปู่คำดีได้มรณภาพลงอย่างสงบ
สร้างวัดศรีอภัยวัน
พ.ศ.๒๕๐๐ ศรัทธาญาติโยมได้นิมนต์ให้หลวงปู่ท่อนไปอยู่ที่ป่าช้านาโป่ง และได้สร้างเป็นวัดศรีอภัยวัน บนเนื้อที่ประมาณ ๔๐ ไร่ รวมทั้งรักษาความเป็นป่าอย่างสมบูรณ์ไว้
จากนั้นมา หลวงปู่ท่อนได้จำพรรษาที่วัดศรีอภัยวัน จ.เลย ตราบจนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากหลวงปู่ท่อนเป็นพระป่า ที่วัดจึงไม่มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต กุฏิเป็นเพียงกุฏิเล็กๆ ปัจจัยที่ได้รับจากญาติโยม ล้วนแบ่งเอาไว้ใช้เท่าที่จำเป็น ส่วนใหญ่จะแบ่งปันให้แก่สำนักสงฆ์ วัด ที่ขาดแคลนหรือทุรกันดาร
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์
พ.ศ.๒๕๐๓ เป็นเจ้าอาวาสวัดวัดศรีอภัยวัน
พ.ศ.๒๕๑๐ เป็นเจ้าคณะตำบลเมือง เขต 2 (ธรรมยุต)
พ.ศ.๒๕๒๖ เป็นเจ้าคณะอำเภอเชียงคาน-ภูเรือ (ธรรมยุต)
พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นเจ้าคณะอำเภอเชียงคาน-ปากชม (ธรรมยุต)
วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดเลย (ธรรมยุต) ตามกฎของมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓/๒๕๔๑ ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์
ลำดับสมณศักดิ์
พ.ศ.๒๕๑๔ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ “พระครูญาณธราภิรัติ”
พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.๒๕๓๑ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.๒๕๓๕ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ ครบ ๕ รอบ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ “พระญาณทีปาจารย์” เป็นกรณีพิเศษ
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ เนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๐พรรษา ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ “พระราชญาณวิสุทธิโสภณ”
ร่มโพธิ์ร่มไทรของคณะศิษยานุศิษย์
นับแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นต้นมา หลวงปู่ท่อน เริ่มมีกิจนิมนต์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ รวมถึงต่างประเทศ แทบจะหาเวลาว่างไม่ได้เลย แต่หลวงปู่ก็มิเคยขัดศรัทธาญาติโยมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ หลวงปู่ได้อาพาธด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้หลวงปู่เกิดอาการวิงเวียนหน้ามืดเป็นประจำ
ล่วงมาถึงปี พ.ศ.๒๕๓๗หลวงปู่อาพาธอีก ด้วยโรคเส้นเลือดในช่องท้องโป่งพอง ต้องเข้ารับการผ่าตัดจากคณะแพทย์โรงพยาบาลวิชัยยุทธ แม้การผ่าตัดจะประสบผลสำเร็จ แต่ส่งผลให้หลวงปู่ท่อนไม่สามารถเทศนาบรรยายธรรมได้นานดังแต่ก่อน เพราะสุขภาพไม่อำนวย ทุกวันนี้หลวงปู่ยังคงเดินทางเข้าไปตรวจเช็กสุขภาพที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ อย่างสม่ำเสมอ
หลวงปู่ท่อน มีความรู้ความสามารถในด้านวิทยาคม วิปัสสนากัมมัฏฐาน มีฌานสมาบัติแก่กล้า มีวิชาทำวัตถุมงคลตามตำรับโบราณคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคอดีต เป็นเหตุปัจจัยเสริมให้วัตถุมงคลทั้งหมดของท่านมีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ท่านได้มีการสร้างวัตถุมงคลมากมาย อาทิ พระผงหลังโต๊ะหมู่บูชารุ่นแรก, พระผงหลังโต๊ะหมู่บูชารุ่นแรก (รุ่นสรงน้ำ) และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร ได้ละสังขารอย่างสงบ ในวันเสาร์ที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๑๖.๔๖ น. ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ สิริอายุ ๘๙ ปี ๑๑ เดือน ๑ วัน ๗๐ พรรษา สร้างความอาลัยให้แก่ญาติโยมผู้นับถือศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก เพราะหลวงปู่ท่อน ถือเป็นเนื้อนาบุญในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เป็นพระที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เป็นที่พึ่งทางจิตใจให้กับญาติโยมเสมอมา จึงขอรำลึกถึงคุณบารมีหลวงปู่ท่อน
โอวาทธรรม
“อย่าลุอำนาจด้วยความโกรธเป็นอันขาด โกรธขึ้นแล้วมันมืดมิดปิดปัญญา จะเอาชนะอย่างเดียว ทั้งที่จริงมันแพ้ตัวเอง แพ้ความโกรธตัวเอง ฆ่าความโกรธได้อยู่เป็นสุข เพราะฉะนั้นอย่าเอาความโกรธมาเป็นตัวของตัวเป็นอันขาด ความโกรธมันหายเป็น แต่นรกมันหายไม่เป็นนะ”
…หลวงปู่มักเตือนว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติ…
…..อย่ากินของร้อน (ราคะ โทสะ โมหะ) อย่านอนบนไฟ (โลภ โกรธ หลง) ให้ไปอย่างแร้ง (ไม่ติด ไม่สะสม) แสวงหาบริสุทธิ์ (ของที่ชอบธรรม)…