วันจันทร์, 9 กันยายน 2567

หลวงปู่ทุย ฉันทกโร วัดป่าดานวิเวก เสาหลักพระกรรมฐานยุคปัจจุบัน

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร

วัดป่าดานวิเวก (ดงศรีชมภู)
ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ

หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร วัดป่าดานวิเวก(ดงศรีชมภู) ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ

หลวงตามหาบัวเคยกล่าวไว้เพชรน้ำหนึ่ง หากเอ่ยถึงภิกษุวัดป่าที่ยังรักษาข้อวัตรปฏิบัติและธรรมเนียมของพระป่าที่เข้มข้นที่สุดในยุคนี้คงหนีไม่พ้น “หลวงปู่ทุย” หรือ พระอาจารย์ปรีดา ฉนฺทกโร เจ้าสำนักวัดป่าดานวิเวก หรือวัดดงศรีชมภู ซึ่งตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านแสงอรุณ ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ

หลวงปู่ปรีดา(หลวงปู่ทุย) ฉันทกโร วัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ
ซ้าย : หลวงปู่ปรีดา(หลวงปู่ทุย) ฉันทกโร วัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ
ขวา : หลวงตาอินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี
จากซ้าย
๑.หลวงปู่บุญมี
๒.หลวงปู่แบน
๓.หลวงปู่ลี
๔.หลวงปู่ทุย
๕.หลวงปู่อุทัย

ท่านเป็นพระธรรมยุตสาย พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เป็นศิษย์รุ่นน้อง ขององค์ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ในด้านปฏิปทาท่านเป็นพระสมถะ สันโดษ มีความเป็นอยู่เรียบง่าย น่าเลื่อมใส และเจริญรอยตามคำสอนแห่งองค์พระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บุคลิกของหลวงปู่ที่ศิษยานุศิษย์รู้จักดี คือ ความดุ เจ้าระเบียบ และ ความเคร่งครัด แต่จิตใจท่านมีความเมตตาต่อบรรดาลูกศิษย์ เวลาทำอะไรจะยึดถือปฏิบัติตามแบบโบราณตามที่ครูบาอาจารย์สอน ไม่ใช้เทคโนโลยี เพราะท่านเห็นว่าเทคโนโลยีเข้ามาจะเป็นผลเสีย ซึ่งเห็นได้ว่าคนสมัยนี้วิ่งเร็วเกินตัวเองไปมาก ถือเป็นเรื่องอันตราย

หลวงปู่ทุย ฉันทกโร วัดป่าดานวิเวก

หลวงปู่ทุย หรือ พระอาจารย์ปรีดา ฉนฺทกโร พื้นเพท่านเป็นชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิด แต่ไปเติบโตที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุยังน้อย สมัยบวชเรียนเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น เป็นรุ่นน้องของหลวงตามหาบัว ซึ่งหลวงตามหาบัวเป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นที่มีปฏิปทาของพระป่าสมัยก่อนที่ถือธุดงควัตร ๑๓ ข้อ แน่นแฟ้นและปกปักรักษาป่าอย่างถวายชีวิต หลวงปู่ทุยเองก็ได้เจริญรอยตาม หลังจากที่หลวงตามหาบัวสร้างวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ท่านก็มาจำพรรษาอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง

อุปนิสัย หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร ท่านเป็นคนรักธรรมชาติ จึงชอบสงวนที่ป่าเขาลำเนาไพร มีมากมีน้อยท่านไม่เคยทำลาย หลังจากฝึกกรรมฐานจนสำเร็จ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล จ.อุดรธานี (ปัจจุบันอยู่ในเขต จ.หนองบัวลำภู) ได้แนะนำให้ท่านธุดงควัตรมาที่ดงสีชมภูนี้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่สีแดงที่คอมมิวนิสต์ยึดครองอยู่

หลวงปู่ทุย หรือ พระอาจารย์ปรีดา ฉนทกโร วัดป่าดานวิเวก (ดงศรีชมภู)
หลวงปู่ทุย หรือ พระอาจารย์ปรีดา ฉนทกโร วัดป่าดานวิเวก (ดงศรีชมภู)

หลวงปู่ทุย อยู่ที่นี่ได้ ๒ ปี ก็ได้ตั้งวัดป่าดานวิเวกขึ้น ในปี พ.ศ.๒๕๑๑ ชื่อของวัดมาจากพื้นที่แห่งนี้เดิมเป็นดานหินทราย ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยพื้นที่ป่าหลายส่วน รวมกัน ๒,๕๐๐ ไร่ เฉพาะพื้นที่ของวัดเองประมาณ ๑๔ ไร่ เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เช่าโดยถูกต้องตามกฎหมาย รวมกับพื้นที่ของกรมป่าไม้ที่ให้วัดดูแลอีก ๗๐๐ ไร่ และพื้นที่ ส.ป.ก.อีก ๑,๔๐๐ ไร่ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านปลูกมันสำปะหลังแล้วกลายเป็นป่าเสื่อมโทรมเลยยกให้หลวงดูแล

ท่านจึงชวนชาวบ้านใน ๓ ตำบล ของ อ.โซ่พิสัย ปลูกป่าใหม่ขึ้นมา ทั้งไม้ประดู่ ชิงชัน เต็ง รัง จนไม้เติบใหญ่ขึ้นเป็นป่าใหม่ แล้วพื้นที่ทั้งหมดนี้ท่านถวายเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี ให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ชาวบ้านทุกคนจะได้ช่วยกันดูแล ทั้งยังหาแหล่งน้ำให้ชาวบ้านไว้ใช้ในการเกษตรอีกด้วย

หากใครได้เข้าไปในบริเวณวัดป่าดานวิเวก จะเห็นว่า วัดสงัดเงียบมาก ร่มรื่น เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยมากมาย แต่ถึงต้นไม้จะเยอะ ใบไม้จะร่วงหล่นลงมามากแค่ไหน ก็หาได้สู้ความขยันของพระเณรในวัดไม่ เพราะพระเณรจะช่วยเก็บกวาดและทำความสะอาดเสนาสนะทุกวัน

ขณะที่เสนาสนะหรือสิ่งปลูกสร้างในวัดมีเพียงกุฏิสงฆ์ ศาลาอเนกประสงค์ที่สร้างด้วยไม้ และเรือนปฏิบัติธรรมของฆราวาสเท่านั้น ภายในวัดไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา พระสงฆ์และเณรใช้แสงไฟจากตะเกียงและน้ำบาดาลเท่านั้น ดังนั้นวัดของหลวงปู่จึงไม่มีการบอกบุญ เรี่ยไร หรือ ตั้งตู้รับบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น

ว่าด้วยสมณศักดิ์ก็เป็นสิ่งที่ท่านไม่เคยปรารถนาอยากได้ ทางหลวงปู่ทุยเคยแจ้งไปทางหน่วยงานราชการว่าไม่ต้องให้ยศให้ตำแหน่งหรือสมณศักดิ์แก่ท่าน ท่านบอกว่า ขอเป็นพระธรรมดา อยู่เฉยๆ ก็พอแล้ว และทางวัดจะไม่รับกฐิน เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายจึงไม่ต้องใช้เงิน

ธรรมะที่หลวงปู่สอนเทศน์ชาวบ้านญาติโยม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องง่ายๆ แต่แสดงให้เห็นข้อวัตรปฏิบัติและปฏิปทาอันงดงามของท่านอย่างชัดเจน เช่น

“โยมไม่ต้องมาบริจาคเงินให้วัด โยมเอาเงินไปให้พ่อแม่ได้บุญมากกว่าเอามาให้วัด เรื่องเงินไม่สำคัญ ฆราวาสมีศีล ๕ ก็พอ”

เป็นปรัชญาสั้นๆ ที่คมลึกซึ้ง

นอกจากนี้ ท่านมักจะเทศน์สอนบอกชาวบ้านว่า

“โยมอย่าเอาไฟฟ้าเข้าวัด เพราะจะทำให้พระต้องมีค่าใช้จ่าย พระไม่มีรายได้ อยู่โดยไม่มีไฟฟ้าดีกว่า”

หรือ

“โยมมาที่วัด ขออย่าอึกทึกเสียงดัง มาอยู่วัดให้ทำสมาธิ ฝึกจิต ได้บุญกว่ามานั่งกราบพระ” เป็นต้น

หลวงปู่ทุย หรือ พระอาจารย์ปรีดา ฉนทกโร วัดป่าดานวิเวก (ดงศรีชมภู)
หลวงปู่ทุย หรือ พระอาจารย์ปรีดา ฉนทกโร วัดป่าดานวิเวก (ดงศรีชมภู)

ใครที่เคยมากราบหรือสนทนาธรรมกับหลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงปู่เป็นพระสมถะ เคร่งครัดในข้อวัตรปฏิบัติอย่างมาก ถึงแม้บุคลิกท่านจะดูค่อนข้างดุ เจ้าระเบียบ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย กระนั้นพระเณรทั้งหลายก็อยากมาอยู่ศึกษาธรรมะกับท่าน เพราะชอบใจในข้อวัตรปฏิบัติที่หลวงปู่วางไว้และเพื่อมุ่งอรรถมุ่งธรรมจริงๆ

ยุคสมัยที่เงินทองครอบงำทุกชนชั้นวรรณะจนหลายคนหลงลืมแก่นแท้ของชีวิตว่า ความสุขแท้จริงมันเกิดขึ้นได้อย่างไร แม้แต่วงการศาสนาไม่วายที่หลายวัดต้องกลายเป็นพุทธพาณิชย์ บางวัดมุ่งเทศนาชวนเชื่อแต่เรื่องการบริจาคเงิน จนลืมแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา แต่สำหรับหลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร แล้วยังคงเป็นพระธรรมดา สมถะ สันโดษ ตั้งมั่นในศีลาจารวัตร เป็นที่เลื่อมใสของชาวพุทธอยู่เสมอ

ในวันที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ องค์ท่านหลวงปู่ทุย อายุวัฒนะมงคล ๘๘ ปี พรรษา ๖๘

หลวงปู่ปรีดา(หลวงปู่ทุย) ฉันทกโร วัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ

ปัจจุบันองค์หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร มีอายุมากและช่วงนี้หลวงปู่แพ้อากาศ การเข้ากราบองค์หลวงปู่จึงต้องมีเวลา เพื่อรักษาธาตุขันธ์องค์ท่าน ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นหลวงปู่จะออกมารับคณะศรัทธาญาติโยมเวลาบ่าย ๓ โมงทีเดียว

หลวงปู่ปรีดา (หลวงปู่ทุย) ฉนฺทกโร

◎ โอวาทธรรม หลวงปู่ปรีดา หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร
“..ไปเที่ยวนั้นวิ่ง ไปเที่ยวนี้วิ่ง ไปดูโทรศัพท์โทรทัศน์วิ่ง ไปเที่ยวกินวิ่ง ถือใส่มือหิ้วสองข้างอือหือหนักเทกระจาด นั้นเห็นไหมกิเลสมันสอนคน วิ่งตามความอยากหาประโยชน์อะไรนั้น..”

“..รักษาใจให้มีธรรม ทำใจตนให้เป็นพระ ดีที่สุด..”

“..อยู่ป่าอยู่เขาไม่ค่อยมีเรื่องนะลูกหลาน
แต่ถ้าอยู่กับคนได้เรื่องนะ มีแต่ความวุ่นวาย
อยู่กับป่า กับเขา มีแต่ความร่มเย็น
ถ้าหันมาใส่คนได้เรื่อง หมายถึง คนไม่ดี
คนมีกิเลสหนา ชอบมีเรื่องวุ่นวาย
กระทบกระเทือนใจตัวเอง และ คนอื่น
ชอบหาแต่เรื่องใส่ตัวเอง หาเรื่องคนอื่น..”