วันศุกร์, 13 ธันวาคม 2567

หลวงปู่ดี ภัทธิโย วัดป่าหิมพานต์ อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ดี ภัทธิโย

วัดป่าหิมพานต์ (สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานภัทธิโย)
อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี

หลวงปู่ดี ภัทธิโย สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานภัทธิโย

พระภิกษุสงฆ์แต่อดีตนั้น ท่านนิยมศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคม เวทวิทยา ทั้งยังมีคาถา คุณไสย ศาสตร์มากมายหลายชนิด ล้วนแล้วเป็นวิชาอันเร้นลับและเป็นวิชาของฝ่ายโลกีย์ทั้งสิ้น

หลวงปู่ดี ภัทธิโย ท่านก็เคยศึกษาเล่าเรียนมาตามประเพณีนิยมของพื้นบ้านเช่นกัน

ในจังหวัดอุบลราชธานี ถ้าจะพูดถึงเรื่องคาถาอาคม เวทมนตร์ต่างๆแล้ว นับว่ามีมากแทบทุกท้องถิ่น

หลวงปู่ดี ภัทธิโย วัดป่าหิมพานต์ (สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานภัทธิโย)

แต่เมื่อถึงยุคของพระธุดงค์ บิดาผู้จุดประทีปธรรมกรรมฐาน ได้ปรากฏขึ้น ๓ องค์ พร้อมๆกัน จะด้วยกําลังจิตและแรงสนับสนุนใดๆ ก็ถือว่าเป็นบิดาผู้เปิดประตูใจของกุลบุตรผู้มีปัญญา ท่านคือ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)

บิดาแห่งพระกรรมฐาน ๓ องค์นี้ ท่านได้พยายามฝึกสอนลูกศิษย์ที่เป็นเพศบรรพชิต คือ สร้างบุคคลธรรมดาๆ ให้เป็นอริยบุคคล จนปรากฏผลแห่งคุณภาพมากมายนับพันๆองค์ ซึ่งศิษย์เหล่านั้นก็รวม หลวงปู่ดี ภัททิโย ด้วยองค์หนึ่ง

หลวงปู่ดีได้พยายามศึกษา หาความรู้จริงในธรรมะ จนสามารถเอาตัวรอดได้ในที่สุดนั้น ก็เพราะได้พลิกจิตใจดําเนินตามข้อวัตร ปฏิบัติตามคําสั่งสอนในหลักสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน จากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บิดาแห่งกองทัพธรรมในอดีต

หลวงปู่ดี ภัทธิโย ท่านเกิด เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ตรงกับปีชวด

บิดาชื่อ นายสาน มารดาชื่อ นางเคี่ยม มีอาชีพทํานาค้าขาย

อายุ ๑๔ ปี บิดามารดาได้พร้อมใจกันนําบุตรชายไปบรรพชา เป็นสามเณร ณ วัดใกล้บ้าน เพื่อ จะได้ศึกษาเรียนหนังสือและ ธรรมวินัย ซึ่งก็สามารถเรียนรู้ ได้เร็วอ่านออกเขียนได้ตามสติ ปัญญา

อายุได้ ๒๐ ปีเต็ม ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ โดยสมบูรณ์ ณ วัดโพธิ์ไทร โดย หลวงพ่อหัน แห่งวัดโพธิ์ไทรเป็นพระอุปัชฌาย์

เมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้ศึกษาธรรมสอบได้นักธรรมเอก

หลังจากสอบนักธรรมแล้ว ท่านก็หันเหชีวิตออกปฏิบัติเดินธุดงค์เข้าป่าดงผ่านเส้นทางของ ผู้สละเรือน ออกสู่ความวิเวกไป ประเทศเขมร ลาว พม่า

ท่านบุกป่าไปหลายแห่ง ผจญกับอุปสรรคนานัปการ ได้พบกับครูบาอาจารย์และพระสหธรรมิก มากมายหลายองค์ดังปรากฏต่อ มาดังนี้

๑. ได้ไปพบ พระอาจารย์เกตุ แห่งประเทศลาว ได้ศึกษาวิชาเวทมนตร์ และกสิณต่างๆ จน แก่กล้า

๒. ได้เรียนสมถะและวิปัสสนากรรมฐานกับ หลวงปู่ มั่น ภูริทัตโต สามารถเอาตัวรอดได้

๓. ได้พระสหธรรมิกรุ่นพี่ หลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร เป็นผู้ปรึกษาและช่วยเหลือกันในยาม ทุกข์ยากขณะเดินธุดงค์ร่วมกัน

หลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร วัดเทพสิงหาร
หลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร วัดเทพสิงหาร

หลวงปู่ดี ภัทธิโย ท่านเป็นพระผู้มีความสงบ สันโดษมักน้อย ผู้คนน้อยนักจะรู้จักท่าน ด้วยเหตุของความพึงมีพึงได้ ได้แล้วไม่ สะสมไม่ติดในสภาวะให้เป็นธุลี ปิดบังหนทางปฏิบัติธรรม

หลวงปู่ดี ภัทธิโย เคยเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ พร้อมกับหลวงปู่เครื่อง

เมื่อมาถึงก็ต้องรีบกลับทั้งสององค์ กล่าวคือ มองเห็นความวุ่นวายอันเกิดจากมายาการปรุง แต่ง ไม่เป็นไปโดยธรรมชาติ เห็นมนุษย์ผู้โลภ ผู้หลง ก็ต้องวางใจ เพราะไม่สามารถพูดภาษาธรรมต่อกันได้

แต่คนป่าคนดง เมื่อสอนให้ รักษาศีลเขาก็อยู่ในขอบเขต แต่ที่มาพบนี่รับศีลแล้วก็นั่งโกหก อยู่ได้ต่อหน้าของท่าน พูดเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน สอนธรรมะก็ไม่หลั่งไหลเข้าจิตใจเลย ดุจการตักน้ําใส่ภาชนะที่คว่ําไว้ฉะนั้น…

หลังจากเดินธุดงคกรรมฐานมาเป็นเวลาหลายสิบปี ท่านจึงกลับบ้านเกิดและมาสร้างสํานัก สงฆ์ขึ้น คือ วัดป่าหิมพานต์ เพราะมีสภาพที่สงบสงัด เหมาะแก่การเจริญศีล สมาธิ ปัญญา อีก ทั้งมีต้นไม้ปกคลุมเป็นธรรมชาติที่เยือกเย็นเมื่อพบเห็น

วัดป่าหิมพานต์ ตั้งอยู่ ณ บ้านหนองบัว อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี

เส้นทางธรรมดังกล่าวนี้ ยินดีต้อนรับผู้แสวงหาความสงบ วิเวก ไม่ยากแก่การเดินทางไป แม้จะลําบากทางกายแต่จิตใจเบิกบาน

ทั้งนี้วัดป่าหิมพานต์ดินแดน ห่างไกลความเจริญ เป็นดินแดน แห่งธรรมะ เหมาะแก่การบําเพ็ญ ภาวนาเพื่อจิตพ้นจากทุกข์ของ เราทุกคน