วันอาทิตย์, 15 กันยายน 2567

พระอาจารย์หมุน ยสโร วัดเขาแดงตะวันออก อ.เมือง จ.พัทลุง

ประวัติ และปฏิปทา
พระอาจารย์หมุน ยสโร

วัดเขาแดงตะวันออก
อ.เมือง จ.พัทลุง

พระอาจารย์หมุน ยสโร
พระอาจารย์หมุน ยสโร วัดเขาแดงออก

พระอาจารย์หมุน ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ ที่มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ คือ รักความสงบ สันโดษ ไม่ค่อยคลุกคลีกับหมู่พวก ทําความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เฉพาะตัวท่าน

ความเป็นผู้มีสติปัญญา ท่านเกิดพึงพอใจในชีวิตสมณเพศ เลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา มีความกตัญญูรู้คุณอย่างเต็มจิตใจ เพราะพระพุทธศาสนามีสังคมที่กว้างขวาง

เป็นความจริงอยู่ว่า ผู้ใดได้เข้าหมู่ ทําจิตใจให้มั่นในศีลธรรม ปฏิบัติตามคําสั่งสอนขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ย่อมเกิดคุณประโยชน์หลายอย่าง ตามมา เช่น

๑. ประโยชน์ในปัจจุบัน

๒. ประโยชน์ในอนาคต

๓. ประโยชน์อย่างยิ่ง ที่ท่าน เรียกว่า ปรมัตถประโยชน์

ธรรมใน ๓ ข้อนี้ พระอาจารย์หมุน ยสโส ได้กระทําจนบังเกิดผลให้เป็นที่ประจักษ์ถึงปัจจุบัน

พระอาจารย์หมุน ท่านมีธรรมะสอนจิตใจ ของผู้ปรารถนาฟังธรรมอย่างลึกซึ้งถึงแก่นแท้

ไม่ว่าเหตุการณ์ใด ฃๆ ที่เกิด ขึ้นในเขตจังหวัด ฃอันเป็นถิ่นกําเนิดของท่าน พ่อท่านหมุน จะนํามาพิจารณาใคร่ครวญอยู่เงียบ ๆ แล้วก็ปลงสังเวชจิตใจ

ท่านเคยปรารภเสมอ เมื่อได้พบกับท่านว่า

“เวรกรรมของมนุษย์นะ ทําไมคนเราเกิดมาเป็นคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนา และเป็นพระศาสนาที่เลิศในโลก ธรรมะคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็ก้อง อยู่ในใจ

อย่างข้อเว้นศีล ๕ นี้ คนไทยที่รู้ความแล้วนี่ อย่างน้อยก็รู้บ้างสัก ๒ ข้อละ ทําไมเขาจึงต้องแข่งฆ่า แข่งบาป แข่งลงนรกหมกไหม้กันนัก เออ…. อวิชชา ความโง่เขลา มันบังจิตใจเสียหมด เกิดมาเสียชาตินะ”

พ่อท่านหมุน ยสโร ท่านเป็นพระที่มีความพินิจพิจารณาอยู่เป็นนิตย์ การประพฤติปฏิบัติธรรมนั้น ท่านมีความก้าวหน้ามากน้อยแค่ไหน จากสํานักปฏิบัติหรือครูบาอาจารย์องค์ใดนั้น ท่านไม่ค่อยเล่าให้ฟัง

แต่การเปรียบเทียบธรรมะ ที่ท่านแสดงมานั้น นับว่าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามคลองธรรมอย่างเต็มภูมิ เพราะการแสดงออกมาจากจิตใจของท่านนั้น แสดงถึงความรอบรู้ในสภาวธรรม จากการประพฤติปฏิบัติ มิใช่น้ําธรรมะจากหนังสือ หรือใบลานออกมาแสดง จึงเชื่อได้ว่าท่านปฏิบัติดําเนินจิตภาวนา โดยเฉพาะตัวท่าน อย่างแน่นอน

ท่านเคยพูดว่า..

“ทีแรก ๆ ก่อนโน้น อาตมาเคยน้อยอกน้อยใจในวาสนา ที่มาเกิดในเมืองโจร เมืองนักเลง แต่เมื่อศึกษาพิจารณาจนรู้แก่จิตใจแล้ว จึงปล่อยละในสิ่งที่นอกเรื่องนั้นเสียได้ แท้จริงเราควรมองดูในกายเราเพียงอย่างเดียวแท้ๆ”

และ พ่อท่านหมุน แก้จิตใจของ ท่านตกก็เพราะพรหมวิหารธรรมนี้เอง เพราะว่า เมตตากําลัง กรุณากําลัง มุทิตากำลัง ขนาดกําลังสามชนิดนี้แก้ไขไม่ได้ ท่านก็ต้องอาศัยธรรมข้อสุดท้ายคือ อุเบกขา ปล่อยไปตามกรรมที่มีอยู่เป็นอยู่เท่านั้นเอง…

พระอาจารย์หมุน ยสโร ท่านเกิด ณ ตําบลบ้านม่วง เขตอําเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๓๙ ปีวอก

ต่อมาอายุได้ ๑๖ ปี บิดา มารดาประสงค์ที่จะให้บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งจัดขึ้น ณ วัดควนกรวด อ.เมือง จ.พัทลุง ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๕๕ โดยได้รับเมตตาจาก พระอินทรโมฬี เป็นพระอุปัชฌายะ

เมื่อบวชเณรเสร็จ ท่านก็มาจําพรรษาวัดเขาแดง แต่เดิมสมัยโน้น เป็นเพียงสํานักสงฆ์ มีกุฏิหลังเล็กๆ มีพระเณรอยู่ไม่กี่องค์

การศึกษาสมัยนั้น ก็เป็นไปตามอัตภาพ คือตามมีตามได้เพราะการรู้การเข้าใจนั้น ต้องอาศัยการจดจําไว้ในใจ มากกว่าจดลง ในสมุดดินสอ

การศึกษาของแต่ละภาค ไม่เสมอกัน จึงไม่กว้างขวางนัก แต่การศึกษาวิชาอาคม ทางภาคใต้ นี้กลับเจริญรุ่งเรือง ยิ่งคุณไสย เวทมนตร์ด้วยแล้ว โด่งดังมาก

เมื่ออายุครบอุปสมบท พระอาจารย์หมุน ได้ไปอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดปรางค์หมู่ อ.เมือง จ.พัทลุง ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๕๘ โดยมี พระอธิการรอด เป็นพระอุปัชฌายะ ได้รับฉายาว่า “ยสโร

เมื่อได้บวชเป็นพระภิกษุ สงฆ์แล้ว ท่านก็ได้มาอยู่จําพรรษาที่เดิม คือ วัดเขาแดง จ.พัทลุง

การศึกษาในช่วงเป็นพระหนุ่มนี้ ท่านเคยไปศึกษามาหลายแห่ง แต่ว่าการจําพรรษา ท่านไม่เคยปรากฏว่าจะไปอยู่ ณ แห่งใด นอกจาก วัดเขาแดงตะวันออก

สมัยนั้น วัดเขาอ้อ มีชื่อ เสียงโด่งดังมาก โดยมีท่าน พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทัณฑ์บรรพต เป็นเจ้าสํานัก พอทราบได้ว่า พระอาจารย์หมุน ท่านเดินทางไปศึกษามาเหมือนกัน แต่จะได้วิชาอันใดมาบ้างนั้น ท่านไม่เคยเล่าให้ฟัง

ต่อมา พ่อท่านหมุน ยสโร ท่านได้อยู่จําพรรษา ณ วัดเขาแดงออกแห่งนี้ ท่านได้พัฒนาก่อสร้าง ถาวรวัตถุ เช่น พระอุโบสถ ศาลา กุฏิ ได้รับความเจริญขึ้นมาก

การปฏิบัติธรรมนั้น ท่านเคยแสดงว่า

“ความจริงแล้ว พระกรรมฐาน มันอยู่ที่ใจคนเราเท่านี้

เมื่อบวชเข้ามาพระอุปัชฌายะ ก็ได้ให้แล้วบอกนิสัยให้แล้วนี่ ว่าอะไรล่ะ เกศา โลมา นขา ทันตา ตะโจ นั่นแหละกรรมฐาน ๕ เมื่อเราบวชเข้ามาเพื่อหวังบุญหวังกุศล หวังพระนิพพานใช่ไหมล่ะ

นี่แหละเราต้องจดจําเอาไว้ ไม่ใช่ว่าไม่มีครูบาอาจารย์ เราต้องเข้าใจแนวทาง จึงจะถูกต้องตาม ธรรมนั้น”

พ่อท่านหมุน ยสโร ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ ที่มีความมักน้อย สันโดษ นิยมความสงบ เพ่งภาวนาเป็นนิตย์ เมื่อไม่จําเป็นแล้วท่านจะไม่พูดจากับใครเลย ท่านถือเพศ สมณะด้วยอาการสํารวม

ท่านกล่าวว่า “ผู้มีปีติในธรรม ย่อมถึงความสุขได้”

การว่ากล่าวตักเตือนถ้าไม่หนักหนาจริงท่านจะเฉยด้วยอุเบกธรรม เพราะท่านรู้ว่า คนเราในโลกนี้ เกิดมาแล้วไม่มีความผิดเลยนั้นไม่มี เพราะทุกคนต่างก็มี อวิชชาด้วยกันทั้งสิ้น

แต่ถ้าเห็นความไม่งามไม่เหมาะสม ท่านจะกล่าวตักเตือน ด้วยความเมตตาธรรมเสมอ

วัดเขาแดง เป็นวัดที่ พระอาจารย์หมุน ยสโร บวชเป็นสามเณร บวชพระ และได้เป็นเจ้าอาวาส ปกครองดูแลลูกวัด ด้วยพรหม วิหารธรรมมาโดยตลอด จนวาระ สุดท้ายแห่งชีวิตของท่าน

หลวงพ่อหมุน เปรียบเหมือนโพธิ์ทอง ที่ให้ความร่มเย็นแก่บรรดาชาวบ้าน และประชาชน ในจังหวัดพัทลุง

บัดนี้ โพธิ์ทองได้เสื่อมสลายไป ตามกฎพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ยั่งยืนถาวรไปได้ พระพุทธเจ้าทรงชี้สอน ให้บรรดาพุทธบริษัทพิจารณาอยู่ เป็นนิตย์ จะยังสติไว้ เพื่อการรู้พร้อม เมื่อคราวถึงกาล