ประวัติและปฏิปทา
พระอาจารย์พยุง ชวนปญฺโญ
วัดป่าภูริทัตตถิราวาส (บ้านหนองผือ)
ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
◎ อัตโนประวัติ
พระครูสุทธธรรมาภรณ์ (พระอาจารย์พยุง ชวนปญฺโญ) มีนามเดิมว่า พยุง นามสกุล เทพิน เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๕ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๒ ปีเถาะ ณ บ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร บิดาท่านชื่อ นายใคร เทพิน และมารดาท่านชื่อ นางมี เทพิน
◎ การบรรพชา
อายุ ๑๖ ปี เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๑ ท่านได้รับการบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีโพนเมือง ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี พระเทพสุเมธี (หลวงพ่อมหาไพบูลย์ อภิวณฺโณ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระวิบูลธรรมภาณ วัดศรีโพนเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์
◎ การอุปสมบท
อายุ ๒๒ ปี เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๗ ท่านได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดพรหมวิหาร ตำบลสวาท อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร โดยมี โดยมี พระครูภัทรคุณาธาร (บุญ โกสโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุนทรศีลขันธ์ (หลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร) (เมื่อครั้งยังเป็น พระสมุห์สิงห์ทอง ปภากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระปลัดสุดใจ สิริจนฺโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “ชวนปญฺโญ“
◎ พำนักจำพรรษา ณ วัดป่าภูริทัตตถิราวาส
ปัจจุบันนี้ ท่านพระอาจารย์พยุง ชวนปญฺโญ พำนักจำพรรษาปฏิบัติธรรมที่วัดป่าภูริทัตตถิราวาส (วัดป่าบ้านหนองผือ) บ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นวัดของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านได้มาพำนักจำพรรษา ๕ ปีสุดท้ายก่อนองค์ท่านจะมรณภาพ
ปัจจุบัน พระอาจารย์พยุง ชวนปญฺโญ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร สิริอายุ ๖๘ ปี พรรษา ๕๒
ท่านพระครูสุทธธรรมมาภรณ์ (พระอาจารย์พยุง ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดป่าหนองผือท่านยังคงรักษาข้อวัตรต่างๆ ไว้เช่นเดียวกับสมัยหลวงปู่มั่น รวมถึงพยายามจำกัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีแต่พอดี เพื่อให้วัดแห่งนี้ยังคงสภาพเดิมต่อไป
◎ โอวาทธรรม พระอาจารย์พยุง ชวนปญฺโญ วัดป่าภูริทัตตถิราวาส (วัดป่าบ้านหนองผือ)
“..เราเป็นทุกข์กันทุกวันนี้ก็เพราะความคิด “อดีต วันนี้ อนาคต” อาวุธของพระพุทธเจ้าที่มอบให้กับเรา คือ “พุทโธ” ทำไมไม่คิด มีแต่คิดทุกข์อยู่ มันก็มีแต่ทุกข์อย่างเดียว.! เพราะยึดความทุกข์มาเป็นความคิด ชีวิตของเราอยู่ไม่ได้นาน แทนที่จะหาความสุขจาก ธรรมะ คำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าน้อมมาสู่ใจ แต่กับเอาความทุกข์ เอากิเลสมาเผาผลาญหัวใจเจ้าของ มันก็เป็นทุกข์อยู่ล่ะ..”
ที่มา :ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บ http://www.dhammajak.net