ประวัติและปฏิปทา
ญาคูหา อโสโก
วัดสระพังทอง บ้านหนองย่างชิ้น อ.เรณูนคร จ.นครพนม
พระครูสุวรรณสารวิจิตร (ญาคูหา อโสโก) วัดสระพังทอง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองนครพนม ที่ชาวชนเผ่าผู้ไทเรณูนคร และจังหวัดใกล้เคียงเคารพเลื่อมใสศรัทธา
◎ ชาติภูมิ
พระครูสุวรรณสารวิจิตร (ญาคูหา อโสโก) มีนามเดิมว่า “หา โพธิ์ชัย” เกิดวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๓ ปีขาล พื้นเพเป็นชาวบ้านดงมะเอก ต.โพนทอง อ.เรณูนคร จ.นครพนม บิดาชื่อ “นายไล โพธิ์ชัย” และมารดาชื่อ “นางบุญมาย ยศสุรีย์” เป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร ๔ คน
หลังจบชั้น ป.๔ ใฝ่รู้ร่ำเรียน กศน.จนจบชั้น ม.๖ ที่โรงเรียนเรณูนครวิทยานุกูล
◎ อุปสมบทครั้งแรก
อายุครบ ๒๐ ปี พ.ศ.๒๕๑๖ อุปสมบท ที่พัทธสีมาวัดศรีบุญเรือง อ.เรณูนคร โดยมี พระครูเขมคุณสุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังบวชได้แค่ ๒ วันมีปัญหาหนักใจ ให้ครุ่นคิดจึงลาสิกขา
◎ อุปสมบทครั้งที่สอง
จึงบวชใหม่รอบ ๒ ที่พัทธสีมาวัดบูรพาราม ต.โพนทอง โดยมี เจ้าอธิการทองดำ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาธวัช ธัมมเตโช เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการพิทูล อัตถาโม เป็นพระ อนุสาวนาจารย์
กราบลาอุปัชฌาย์ ไปฝากตัวเป็นศิษย์เอก พระครูภาวนาภิรัตน์ หรือ หลวงปู่แพงตา เขมิโย วัดประดู่วีระธรรม ต.กุดตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม พระเกจิชื่อดังรุ่นพี่ที่ไปมาหาสู่กับ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ โดยตลอด
หลังร่ำเรียนกัมมัฏฐานกับหลวงปู่แพงตานาน ๓ ปี ต่อมาจึงไปฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่คำสิงห์ สุภัทโท เทพเจ้าแห่งบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นญาติกับบุพการีได้ระยะหนึ่ง จึงร่ำลาไปศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานกับ หลวงปู่ทองทิพย์ วัดบ้านฝายแตก อ.เมือง จ.หนองคาย
หลังธุดงค์ตระเวนร่ำเรียนวิชา จึงกลับมาช่วยงานปริวาสกรรมหลวงปู่แพงตา อยู่ช่วยงานท่านขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากควบคู่ไปด้วย จนหลวงปู่แพงตา ผู้เป็นอาจารย์ได้ ละสังขาร เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕ ก็อยู่ช่วยจนงานแล้วเสร็จ
หลังสอบได้เปรียญธรรม ๖ ประโยค ก็มาบุกเบิกพัฒนาวัดสระพังทอง ต.โพนทอง (ในขณะนั้น) จนพัฒนามีเสนาสนะเจริญรุ่งเรือง ในปัจจุบัน สร้างพระพุทธรูป ๑๖๔ องค์แทนกำแพงแก้วรอบอุโบสถ ศาลาอเนกประสงค์ และสร้างเจดีย์ทรงระฆังคว่ำครอบหอระฆังสูง ๒๓ เมตร
จึงตระเวนเดินสายพัฒนาสร้างวัด เพชรน้ำผึ้ง อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี สร้างพระพุทธรูปเป็นกำแพงรอบโบสถ์ ๑๗๔ องค์ จึงข้ามไปที่วัดบ้านมณีราช แขวง สะหวันนะเขต สร้างพระพุทธรูปดังกล่าวรอบโบสถ์อีก ๑๐๘ องค์
เหตุที่ชอบตระเวนสร้างพระพุทธรูปรอบอุโบสถวัดหลายแห่ง ญาคูหาให้เหตุผลว่า บ่อยครั้งที่พบเห็นชาวบ้านไหว้กำแพงวัด จึงสร้างพระพุทธรูปให้ชาวบ้านกราบไหว้เสียเลย
ในช่วงปัจฉิมวัย ยังไปสร้างศาลาอเนกประสงค์ หอสวดมนต์ โรงครัว กุฏิ ๑๒ หลัง สำนักสงฆ์หนองแดง บ.น้อยหนองพอก ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ที่จำพรรษา หลวงปู่รัศมี ธัมมจาโร พระเกจิชื่อดังแห่ง อ.ปลาปาก
จึงวกกลับมาพัฒนาวัดมาตุภูมิสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรกสูง ๙ เมตร ปากทางเข้าประตูวัดสระพังทอง และพระปางไสยาสน์ ยาว ๓๖.๑๔ เมตร กว้าง ๔ เมตรสูง ๗ เมตร แทนกำแพงหน้าวัด สิ้นงบ ๑ ล้านบาท อยู่ระหว่างสร้างพญานาครอบฐาน เพื่อให้ชาวพุทธได้กราบไหว้
จะไม่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบล หนองย่างชิ้น หรือแม้แต่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระพังทอง ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ
ปัจจุบัน พระครูสุวรรณสารวิจิตร (ญาคูหา อโสโก) วัดสระพังทอง ท่านมีอายุ ๗๓ ปี (พ.ศ.๒๕๖๖) บางครั้งท่านจะสลับไปจำพรรษาและพัฒนาสำนักสงฆ์อโศการาม บ้านเหล่ากกตาล ต.หนองย่างชิ้น อ.เรณูนคร ซึ่งอยู่ห่างจากวัดสระพังทอง ๔-๕ กิโลเมตร
◎ ด้านวัตถุมงคล
ด้านวัตถุมงคลที่คณะลูกศิษย์เลื่อมใสศรัทธา ได้จัดสร้างไปแล้ว ๔-๕ รุ่น แต่ละรุ่นล้วนนำปัจจัยไปถวายสมทบวัดสร้างอุโบสถ และศาลาการเปรียญวัดหลายแห่ง โดยเฉพาะ เหรียญ รุ่นแรก ญาคูหา อโสโก รุ่นฉลองอุโบสถวัดนาเจริญ เป็นที่เสาะแสวงหาของนักสะสม ไปแล้ว